โทรศัพท์ 1358
ฟินเทคออกตัวแรง เปิดบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ e-commerce ดิวยาว 60 วัน
ฟินเทคออกตัวแรง เปิดบัตรเครดิตสำหรับธุรกิจ e-commerce ดิวยาว 60 วัน
บัตรอีคอมเมิร์ซของ Brex เสนอวงเงินเครดิตปลอดดอกเบี้ย 60 วันโดยมีวงเงินตั้งแต่ 1 หมื่นถึง 1 ล้านดอลลาร์ ข้อเสนอแบบนี้ดีกว่าบัตรเครดิตแบบเก่า 3-5 เท่าเลยทีเดียว Brex ธุรกิจบัตรเครดิตที่เพิ่งเปิดทำการได้เพียง 22 เดือน ก็กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 1.1 พันล้านดาลลาร์ไปแล้ว กำลังคิดการใหญ่อีกครั้งด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือบัตรเครดิตสำหรับ อีคอมเมิร์ซ บัตรใบแรกที่จะสั่นสะเทือนวงการบัตรเครดิตทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะทำการซื้อในวันใดของเดือน คุณยังไม่ต้องชำระเงินไปจนกว่าจะครบ 60 วัน นั่นเป็นเพราะวันที่ครบกำหนดสำหรับบัตร Brex ไม่ได้วิ่งตามวันเวลาบนปฏิทินแบบเก่าที่จะต้องนัดกันทุกสิ้นเดือน ตัวอย่างเช่นหากคุณซื้อสินค้าในวันที่ 1 มกราคม Brex จะดึงเงินจากบัญชีธนาคารของคุณเพื่อชำระค่าใช้จ่ายในวันที่ 2 มีนาคม Brex เชื่อว่าบริษัทบัตรเครดิตไม่เคยเสนออะไรแบบนี้มาก่อน คุณสมบัติการนับวันเวลาครบกำหนดของทุกรายการแบบนี้ เกิดจากเทคโนโลยีที่มีความซับซ้อน แน่นอนว่ามันเป็นซอฟต์แวร์เฉพาะตัวของ Brex โดยกลุ่มเป้าหมายของบัตรแบบนี้คือ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ เพราะบริษัทเหล่านี้จ่ายเงินก้อนโตไปกับค่าใช้จ่ายรวมถึงสินค้าคงคลัง และการโฆษณาออนไลน์ ซึ่ง Brex มีโมเดลการหารายได้จากการเก็บค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม เป็นเงิน 5 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อปี คาดหวังจากกลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 600,000 แห่งในสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นธุรกิจขนาดใหญ่กว่า 75,000 บริษัท รู้สึกตื่นเต้นกับสตาร์ทอัพด้านฟินเทคอย่าง Brex แล้วหรือยัง เกือบลืมบอกไปว่านี้คือบริษัทของเด็กหนุ่มรุ่นใหม่อย่าง Dubugras อายุ 23 ปี และ Franceschi อายุ 22 ปี โดยคนแรกเป็น CEO และคนต่อมาคือ COO ของบริษัท ที่มา : www.smartsme.co.th
02 ก.พ. 2022
Halodoc สตาร์ทอัพด้านสุขภาพแบบครบวงจร หมอ-ยา-ประกัน อยู่ในแอปฯ เดียว
Halodoc สตาร์ทอัพด้านสุขภาพแบบครบวงจร หมอ-ยา-ประกัน อยู่ในแอปฯ เดียว
ทุกวันนี้เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเราเองก็ไม่ค่อยอยากจะเดินทางไปหาหมอที่โรงพยาบาล เพราะไหนจะต้องเสียเวลารอคิวตรวจ รอคิวรับยา แล้วบางครั้งอาจจะต้องรอประกัน หากทำการรวมเอาทุกเรื่องที่ว่ามารวมเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะสามารถเรียกใช้งานบนสมาร์ทโฟนได้ด้วยแล้วละก็ รับรองแจ้งเกิดได้ไม่ยาก Halodoc คือแพลตฟอร์มสุขภาพดิจิทัลที่ประกอบด้วยแอปฯ บนสมาร์ทโฟนและเว็บไซต์ ช่วยให้คนอินโดนีเซียทั่วประเทศ สามารถปรึกษาแพทย์ที่มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพมากกว่า 20,000 คนได้ทุกที่ทุกเวลา ทำให้ยอดการใช้งาน Halodoc พุ่งขึ้นมากถึง 2500% ในปี 2561 แสดงให้เห็นความต้องการของผู้คนจำนวนมากที่ต้องการความสะดวกสบายในการดูแลสุขภาพ นอกจากการปรึกษาผ่านแพลตฟอร์มแล้ว ลูกค้าสามารถเรียกเจ้าหน้าที่มาตรวจสุขภาพที่บ้าน หรือใช้แอปฯ สั่งซื้อยาจากร้านขายยามากกว่า 1,300 แห่งที่เข้าร่วมอยู่ในระบบ จากนั้นยาก็จะถูกจัดส่งให้ลูกค้าถึงมือภายใน 1 ชั่วโมง นอกจากนี้ Halodoc ยังจับมือกับโรงพยาบาลและผู้ให้บริการสุขภาพมากกว่า 1,400 แห่งทั่วประเทศ เพื่อยกระดับการเข้ารับบริการจากโรงพยาบาล โดยช่วยให้ลูกค้าใช้เวลารอรับยาน้อยลง พร้อมเชื่อมโยงสิทธิประโยชน์จากประกันอย่างครอบคลุม ทำให้ลูกค้าไม่ต้องใช้เงินสดในการมาโรงพยาบาล จึงไม่น่าแปลกใจที่สตาร์ทอัพอย่าง Halodoc ได้รับการระดมทุนมากถึง 65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในการระดมทุนระดับ Series B ซึ่งเงินที่ระดมทุนได้มา จะถูกนำไปสร้างประสบการณ์ที่ดีที่สุดทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ร่วมกับพันธมิตรโรงพยาบาลและบริษัทประกัน พร้อมนำเสนอบริการใหม่ๆ อย่างเต็มรูปแบบในปี 2562 ไอเดียดีมาพร้อมกับการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด ก็จะได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุนอย่างแน่นอน ใครที่มีไอเดียดีๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆ อย่ารอช้าลุกขึ้นมาทำกันเลย เพราะไม่มีเวลาไหนที่เหมาะสำหรับคนหัวคิดทันสมัยเท่ากับตอนนี้แล้ว ที่มา : www.smartsme.co.th
01 ก.พ. 2022
สตาร์ทอัพด้านสกุลเงินดิจิทัล ยอมแพ้เลิกใช้ชื่อ Alibabacoin
สตาร์ทอัพด้านสกุลเงินดิจิทัล ยอมแพ้เลิกใช้ชื่อ Alibabacoin
กลายเป็นเรื่องร้อนแรงข้ามปีเมื่อบริษัทสตาร์ทอัพด้านสกุลเงินดิจิทัลของดูไบ ที่เคยใช้ชื่อสกุลเงินดิจิทัลว่า Alibabacoin และได้ถูกบริษัท Alibaba ของจีนทำการฟ้องร้องว่า ตั้งชื่อแบบนี้มันก็เกินไปอาจจะสร้างความเข้าใจผิดและสร้างความเสียหายให้กับ Alibaba ซึ่งไม่ได้ทำการออกสกุลเงินดิจิทัลชื่อนี้แต่อย่างใด ล่าสุดหลังจากคำสั่งศาลตัดสินให้ Alibaba จากจีนเป็นฝ่ายชนะ งานนี้ก็ทำให้บริษัท Alibabacoin Foundation ต้องทำการเปลี่ยนชื่อสกุลเงินและชื่อบริษัทไปพร้อมๆ กัน โดยใช้ชื่อใหม่ว่า บริษัท ABBC Foundation และให้บริการสกุลเงินดิจิทัลชื่อว่า ABBC แทน ตามรายงานของ Cointelegraph เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วอาลีบาบาเคยฟ้อง บริษัท Alibabacoin ในตอนนั้น เรื่องการละเมิดลิขสิทธิ์หลังจากที่มีการเสนอขายเหรียญเริ่มต้น (ICO) ในเบื้องต้นระดมทุนได้ 3.5 ล้านเหรียญ ในเดือนตุลาคมปีที่แล้วอาลีบาบาชนะคดีเบื้องต้นกับ Alibabacoin (ในเวลานั้น) ในคดีฟ้องร้องเรื่องการใช้ชื่อ อาลีบาบา ของพวกเขาในศาลแขวงสหรัฐทางตอนใต้ของนิวยอร์ก ล่าสุดรองประธานของ อาลีบาบา กล่าวในการให้สัมภาษณ์ว่า บริษัท กำลังพิจารณาการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนสำหรับซัพพลายเชนข้ามพรมแดน ต้องคอยดูกันต่อไปว่า Alibaba จะออกสกุลเงินดิจิทัลเองหรือไม่ในอนาคต ที่มา : www.smartsme.co.th
31 ม.ค. 2022
แมคโดนัลด์หวังปรับปรุงบริการของตนเองด้วยเทคโนโลยีจากสตาร์ทอัพ
แมคโดนัลด์หวังปรับปรุงบริการของตนเองด้วยเทคโนโลยีจากสตาร์ทอัพ
บริษัท แมคโดนัลด์ คอร์ป ซื้อกิจการบริษัท ไดนามิก ยีลด์ ซึ่งเป็นบริษัทสตาร์ทอัพด้านดิจิทัลของอิสราเอล เพื่อพยายามปรับปรุงบริการสั่งซื้ออาหารภายในร้าน และการตลาดออนไลน์ของแมคโดนัลด์ ตามข้อตกลงที่มีการประกาศเมื่อวานนี้ แมคโดนัลด์จะจ่ายเงินมากกว่า 300 ล้านดอลลาร์สำหรับการซื้อกิจการไดนามิก ยีลด์ ซึ่งการทำข้อตกลงดังกล่าวนับเป็นการซื้อกิจการครั้งแรกของแมคโดนัลด์ในรอบหลายปี และเป็นการซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี แมคโดนัลด์จะใช้เทคโนโลยีของไดนามิก ยีลด์ ที่จุดรับบริการด้านไดรฟ์-ทรู ซึ่งจอแสดงผลดิจิทัลจะเปลี่ยนแปลงตามแบบเรียลไทม์ตามปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศและรายการที่ลูกค้าสั่งซื้อ เช่น ในช่วงที่อากาศร้อน หน้าจอไดรฟ์-ทรู อาจส่งเสริมการขายไอศครีม โคน ของแมคโดนัลด์ การซื้อกิจการครั้งนี้ถือเป็นสัญญาณความตั้งใจที่จะพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆมากขึ้นของแมคโดนัลด์ เพื่อแข่งขันในธุรกิจอาหารฟาสต์ฟู้ดที่มีการขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือด ที่มา : www.smartsme.co.th
30 ม.ค. 2022
สตาร์ทอัพสุดล้ำ ใช้เทคโนโลยีชีวภาพผลิตหนังสัตว์เพื่ออุตสาหกรรม
สตาร์ทอัพสุดล้ำ ใช้เทคโนโลยีชีวภาพผลิตหนังสัตว์เพื่ออุตสาหกรรม
สัตว์จะไม่ถูกฆ่าเพื่อเอาหนังมาทำกระเป๋า เสื้อผ้า และเครื่องนุ่งห่มอีกต่อไป เพราะสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพสามารถทำการสร้างหนังชนิดต่างๆ ขึ้นมาให้อุตสาหกรรมต่างๆ เลือกใช้ได้แล้ว แน่นอนว่ามันไม่ใช่หนังเทียมอย่างที่เราเคยเห็น แต่มันคือหนังจริงๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมา ทุกวันนี้เราสร้างเนื้อสัตว์ขึ้นมาโดยที่ไม่ต้องฆ่าสัตว์จริงๆ อยู่แล้ว แล้วทำไมกับหนังสัตว์เราจะทำไม่ได้ Modern Meadow สตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ให้คำตอบในเรื่องนี้พวกเขาได้พัฒนาวัสดุที่เรียกว่า Zoa ขึ้นมา ซึ่งมันสามารถให้ความรู้สึกและใช้งานเหมือนหนังได้โดยไม่ต้องใช้หนังสัตว์จริงๆ Zoa ถูกสร้างขึ้นในระดับ DNA โดยมียีสต์และโปรตีนเป็นส่วนประกอบในการสร้าง มันสามารถจัดเรียงโปรตีนเพื่อให้ได้คุณสมบัติที่ต้องการ สามารถออกแบบวัสดุเพื่อตอบสนองความต้องการใช้งานเฉพาะด้าน ที่สำคัญมันมีคุณภาพดีกว่าหนังทั่วไป เป้าหมายของ Modern Meadow คือการนำ Zoa ออกสู่ตลาดภายในปีหน้า ตอนนี้มีการเริ่มต้นทำงานกับพันธมิตรที่มีศักยภาพแล้ว และกำลังพัฒนาวัสดุที่คู่ค้าต้องการ แต่ยังไม่สามารถบอกชื่อคู่ค้าได้ในตอนนี้ นอกจากนี้บริษัทยังมองเห็นอนาคตของ Zoa ว่าคือทุกที่ที่มีการใช้หนัง ไม่ว่าจะเป็นในรถยนต์ รองเท้า และเบาะต่างๆ นี่จึงเป็นโอกาสทางการตลาดที่น่าสนใจและใหญ่มาก อย่างที่ทราบกันดีว่าหนังสังเคราะห์มีการใช้งานกันมาระยะหนึ่งแล้ว ในตลาดของรองเท้าและเครื่องแต่งกาย แต่ส่วนใหญ่จะทำมากจากโพลียูรีเทน แต่ Modern Meadow มั่นใจว่าด้วยเทคโนโลยีของพวกเขา จะสามารถสร้างความแตกต่างออกจากหนังเทียมได้ แต่คุณภาพและราคายังคงเทียบเท่าหนังแท้ได้ ที่มา : www.smartsme.co.th
29 ม.ค. 2022
เอ็นไอเอ เตรียมนำธุรกิจกลุ่ม “มาร์เทค” โชว์ศักยภาพที่เวทีระดับโลก
เอ็นไอเอ เตรียมนำธุรกิจกลุ่ม “มาร์เทค” โชว์ศักยภาพที่เวทีระดับโลก
NIA ชี้สตาร์ทอัพกลุ่ม MarTech หรือ กลุ่มธุรกิจดนตรี ศิลปะ และนันทนาการ เป็นกลุ่มที่กำลังมาแรงและน่าสนใจ พร้อมนำวงดนตรีและสตาร์ทอัพไทยโชว์ผลงานธุรกิจที่ "South by South West 2019" สหรัฐอเมริกา เพื่อแสดงศักยภาพสู่สายตาชาวโลก ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจดนตรี ศิลปะ และนันทนาการ เป็นกลุ่มที่กำลังมาแรงและน่าสนใจ มีมูลค่าทางตลาดสูงถึง 478,000 ล้านบาท และคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตถึง 6.5% หรือกว่า 500,000 ล้านบาท ในปี 2022 ซึ่งการเติบโตที่สูงขึ้นเป็นผลมาจากการเข้าถึงคอนเทนต์ความบันเทิง เช่น มิวสิคสตรีมมิ่ง วิดีโอคอนเทนต์ ที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายตัวของดิจิทัลที่ทำให้เกิดธุรกิจที่เกี่ยวข้องหลากหลายรูปแบบ ดร.พันธุ์อาจ ชัยรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) กล่าวว่า การส่งเสริมสตาร์ทอัพ เป็นหนึ่งในพันธกิจที่ NIA ให้ความสำคัญและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งที่ผ่านมาสตาร์ทอัพไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม FinTech, TravelTech หรือ AgTech ที่กำลังเป็นที่จับตามองอยู่ในขณะนี้ และยังมีอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มธุรกิจดนตรี ศิลปะ และนันทนาการ หรือที่เรียกว่า MAR Tech ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตถึง 6.5% หรือกว่า 500,000 ล้านบาท ใน ปี 2022 ทั้งนี้ นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของสะพานเชื่อมระหว่าง Tech Startup กับแวดวงดนตรี ศิลปะ และนันทนาการ ผ่านการนำกลุ่มสตาร์ทอัพที่อยู่ในระบบนิเวศเข้ามาช่วยพัฒนา และวางแผนแก้ไขปัญหาต่างๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสตาร์ทอัพไทยในการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีด้านดนตรี ศิลปะ และนันทนาการ ซึ่งนอกจากผลลัพธ์ที่จะเกิดกับอุตสาหกรรมนี้โดยตรงแล้ว ยังเป็นตัวช่วยในการสร้างภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยให้มีเสน่ห์และน่าสนใจได้อีกรูปแบบหนึ่งอีกด้วย ที่มา : www.smartsme.co.th
28 ม.ค. 2022
เซเรน่า วิลเลียมส์ เปิดตัวบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ สำหรับผู้หญิง คนสีผิว และสตาร์ทอัพ
เซเรน่า วิลเลียมส์ เปิดตัวบริษัทร่วมทุนแห่งใหม่ สำหรับผู้หญิง คนสีผิว และสตาร์ทอัพ
บริษัทของซุปเปอร์สตาร์นักเทนนิสใช้ชื่อตามชื่อของเธอเลยว่า Serena Ventures โดยกองทุนนี้มุ่งเน้นไปที่การให้การสนับสนุนบริษัทที่ก่อตั้งขึ้นโดยผู้หญิง, คนสีผิว และผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ตำนานนักเทนนิสหญิงเปิดเผยต่อสาธารณชนถึงรายละเอียดของบริษัทการลงทุนของเธอชื่อ Serena Ventures บริษัทร่วมทุนที่ได้ให้การสนับสนุนอย่างเงียบๆ ตั้งแต่ปี 2014 และได้ลงทุนในบริษัทมากกว่า 30 บริษัทแล้ว “ฉันเปิดตัว Serena Ventures โดยมีพันธกิจในการให้โอกาสผู้ก่อตั้งในหลากหลายอุตสาหกรรม” วิลเลียมส์กล่าว Serena Ventures ถูกสร้างขึ้นเพื่อให้โอกาสแก่ผู้ก่อตั้งที่หลากหลาย โดยเฉพาะผู้หญิงและคนผิวสี การลงทุนจะให้ความสำคัญกับบริษัทตั้งแต่ในระยะเริ่มต้น โดยจะเน้นการเสริมสร้างศักยภาพบุคคล ความคิดสร้างสรรค์และโอกาส นอกจากนี้บริษัทยังทำงานเพื่อให้คำปรึกษาผู้ก่อตั้งและผู้ประกอบการเกิดใหม่ การลงทุนที่ผ่านมาเซเรน่าเวนเจอร์ส ครอบคลุมอุตสาหกรรมจำนวนมาก รวมถึงอาหารสุขภาพ แฟชั่น และอีคอมเมิร์ซ ที่มา : www.smartsme.co.th
27 ม.ค. 2022
Room สตาร์ทอัพที่คืนความเป็นส่วนตัวให้มนุษย์เงินเดือน
Room สตาร์ทอัพที่คืนความเป็นส่วนตัวให้มนุษย์เงินเดือน
เชื่อว่าคุณก็เป็นคนหนึ่งที่เคยมีปัญหาในที่ทำงาน มีบางเวลาที่คุณต้องการความเป็นส่วนตัว เราหมายถึงความเป็นส่วนตัวจริงๆ เป็นพื้นที่ที่คุณสามารถคุยโทรศัพท์เรื่องส่วนตัวได้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร หรือต้องการความสงบเพื่อจะโฟกัสกับงานชิ้นสำคัญ สตาร์ทอัพรายนี้จะกลายเป็นทางออกของคุณ จุดเริ่มต้นของการใช้ความสะดวกสบายของพื้นที่ขนาดตู้โทรศัพท์ เพื่อคืนความเป็นส่วนตัวกับพนักงานในสำนักงาน เกิดจากความต้องการพื้นที่ส่วนตัวที่เกิดขึ้นได้ยากในพื้นที่สำนักงานแบบเปิด โดยเฉพาะเรื่องของการไม่มีที่ว่างให้รับโทรศัพท์ส่วนตัว สตาร์ทอัพรายนี้ต้องการเปลี่ยนแปลง แล้วคืนพื้นที่ส่วนตัวให้กับคนทำงาน ROOM คือบริการบูธขนาดกะทัดรัดสำหรับให้พนักงานใช้ในพื้นที่สำนักงานเปิด ใช่แล้วมันคือการคืนพื้นที่ส่วนตัวให้กับคุณ การเปิดตัวในปีที่ผ่านมา Room ก็โชคดีที่ได้ทำงานร่วมกับธุรกิจกว่า 1,000 ราย ซึ่งเป็นทั้งธุรกิจขนาดเล็กและขนาดใหญ่ รวมถึง JPMorgan, Nike และ SalesForce ที่มีความต้องการในเรื่องนี้ ห้องถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของพนักงานทุกคน ประตูกันเสียงปิดด้วยระบบแม่เหล็ก เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวจะเปิดปิดไฟ LED และพัดลมระบายอากาศเอง สามารถติดตั้งการทำงานร่วมกับพอร์ต Ethernet และสายโทรศัพท์ มีโต๊ะทำงานอยู่ภายในเหมาะสำหรับการนั่งทำงานของคนหนึ่งคน มีผลวิจัยสนับสนุนเรื่องนี้อย่างกว้างขวาง ในการสำรวจร่วมกับ YouGov พบว่า 62% ของคนทำงานต้องการพื้นที่ในสำนักงานแบบปิด ในขณะที่ 24% ของคนงานบอกว่าสไตล์พื้นที่ทำงานแบบเปิดเป็นความคิดที่สร้างสรรค์ สถิติอื่นๆ แสดงให้เห็นว่าร้อยละ 27 ของพนักงานออฟฟิศแบบเปิดเป็นกังวลเกี่ยวกับการแอบฟังการสนทนาของเพื่อนร่วมงาน และมีมากถึง 13% ที่คิดว่าจะลาออกจากที่ทำงานปัจจุบันเนื่องจากปัญหาความเป็นส่วนตัว รูปแบบของสำนักงานแบบเปิดอาจจะไม่ใช่ทางออกที่เหมาะสมเสมอไป แต่ Room เป็นทางออกที่เหมาะสมสำหรับทุกพื้นที่สำนักงาน ที่มา : www.smartsme.co.th
26 ม.ค. 2022
ลัคกิ้น คอฟฟี่ สตาร์ทอัพจีนรุกคืบเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดสหรัฐ
ลัคกิ้น คอฟฟี่ สตาร์ทอัพจีนรุกคืบเสนอขายหุ้น IPO ในตลาดสหรัฐ
ลัคกิ้น คอฟฟี่ (Luckin Coffee) แบรนด์กาแฟสตาร์ทอัพสัญชาติจีน ประกาศเสนอขายหุ้นต่อสาธารณชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในวันจันทร์ตามเวลาสหรัฐ โดยวางแผนที่จะระดมทุนให้ได้ 480 ล้านดอลลาร์ในตลาดหุ้นสหรัฐ ทั้งนี้ ลัคกิ้น คอฟฟี่ จะระดมเงินทุนผ่านการเสนอขายหุ้น American Depositary Share (ADS) จำนวน 30 ล้านหุ้น ในราคา 15-17 ดอลลาร์ต่อหุ้น สำหรับลัคกิ้น คอฟฟี่ ซึ่งถูกมองว่าเป็นแบรนด์คู่แข่งรายสำคัญของสตาร์บัคในจีนนั้น จะเสนอขายหุ้นภายใต้สัญลักษณ์ "LK" บนกระดาน Nasdaq เมื่อวันที่ 18 เม.ย.ที่ผ่านมา ลัคกิ้น คอฟฟี่ ได้เสร็จสิ้นการระดมทุนในฐานะสตาร์ทอัพระดับ Series B+ คิดเป็นมูลค่ารวม 150 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้มูลค่าทางตลาดของบริษัทในขณะนั้นอยู่ที่ระดับ 2.9 พันล้านดอลลาร์ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นเป็นเวลา 4 เดือน หลังจากที่ลัคกิ้น คอฟฟี่ มียอดการลงทุนทั้งสิ้น 200 ล้านดอลลาร์ โดยมีบริษัท BlackRock ลงทุนมูลค่า 125 ล้านดอลลาร์ สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า นับตั้งแต่ลัคกิ้น คอฟฟี่ได้ก่อตั้งกิจการในปี 2560 ทางบริษัทได้ขยายกิจการอย่างรวดเร็วในปีนี้ โดยมีการเปิดสาขาใหม่ในจีนถึง 14 เมือง ส่งผลให้ร้านกาแฟของลัคกิ้น คอฟฟี่ มีอยู่ในเมืองต่างๆของจีนจำนวน 36 เมืองทั่วประเทศ ที่มา : www.smartsme.co.th
25 ม.ค. 2022
สตาร์ทอัพที่จะทำให้เราได้นั่งแท็กซี่ลอยฟ้าในราคาแท็กซี่ปกติ
สตาร์ทอัพที่จะทำให้เราได้นั่งแท็กซี่ลอยฟ้าในราคาแท็กซี่ปกติ
สตาร์ทอัพจากเยอรมันรายนี้กำลังวางแผนเพื่อที่จะทำให้เราได้เรียกใช้แท็กซี่ลอยฟ้าผ่านทางแอปพลิเคชันในอีก 6 ปีข้างหน้า Lilium เปิดตัวต้นแบบแท็กซี่ลอยฟ้าแบบ 5 ที่นั่งที่ใช้ชื่อว่า Lilium Jet ซึ่งบริษัทคาดว่าจะเปิดให้บริการเต็มรูปแบบในเมืองต่างๆ ทั่วโลกภายในปี 2568 ตัวเครื่องเจ็ตใช้พลังงานจากแบตเตอรี่สามารถเดินทางได้ไกล 300 กิโลเมตร ในการชาร์จ 60 นาที มีแผนที่จะเชื่อมต่อการเดินทางระหว่างเมืองต่างๆ โดยผู้โดยสารสามารถจองเครื่องจากจุดลงจอดที่ใกล้ที่สุดผ่านทางแอปฯ ในสมาร์ทโฟน Lilium ยังไม่ได้เปิดเผยว่าจะต้องเสียค่าบริการเท่าไหร่ แต่อ้างว่ามันจะเทียบได้กับราคารถแท็กซี่ทั่วไป เพราะมันถูกสร้างมาเพื่อให้คนทั่วไปได้ใช้งานกัน “เรากำลังก้าวไปอีกขั้นเพื่อทำให้การเคลื่อนไหวทางอากาศในเมืองเป็นจริง เราฝันถึงโลกที่ทุกคนสามารถบินได้ทุกที่ที่ต้องการและทุกเมื่อที่พวกเขาต้องการ” สตาร์ทอัพรายนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้ร่วมก่อตั้ง Skype และจาก Tencent นอกจาก Lilium แล้วยังพบว่ามีบริษัทอื่นๆ ที่กำลังทำเรื่องแท็กซี่ลอยฟ้า ไม่ว่าจะเป็น Boeing และ Rolls Royce ที่มา : www.smartsme.co.th
24 ม.ค. 2022