Category
Tags:
ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 จัดกิจกรรม “ปลูกดาวเรืองด้วยใจ ถวายพ่อ”
ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 จัดกิจกรรม “ปลูกดาวเรืองด้วยใจ ถวายพ่อ”
08 ส.ค 2017
“สตาร์ทอัพไทย” ตื่นตัวเพิ่มถึง 8,000 ราย ชี้ 7 เทรนด์ธุรกิจมาแรงในปี 2561
ดร.สมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมเผยปี 2560 จำนวนสตาร์ทอัพไทยเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 8,000 ราย จากเมื่อ 2 ปีที่แล้วมีเพียงประมาณ 100-200 ราย เท่ากับเพิ่มขึ้นกว่า 80% แจงเริ่มดำเนินธุรกิจจริงแล้วประมาณ 1,500 ราย ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มดิจิตอลและเทคโนโลยี ระบุเทรนด์อนาคตขยายครอบคลุมทุกกลุ่มตามกระแสโลกที่ก้าวไป ขณะที่ กสอ.จับมือเดลต้าฯ มอบทุน 5 แสนบาท จัดตั้งธุรกิจ โชว์ 4 นวัตกรรม เครื่องช่วยอ่านหนังสือคนตาบอด ระบบวัดอุณหภูมิทางการแพทย์เรียลไทม์ แอปฯ คุมไฟฟ้าไร้สาย ตัวช่วยคุมระบบ BAS ลดการเปลืองไฟ ดร.สมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในปี 2560 มีการเพิ่มขึ้นของสตาร์ทอัพทั่วไปกว่า 8,000 ราย จากช่วง 2-3 ปีก่อนที่มีเพียงแค่ระดับหลัก 100 ราย หรือเท่ากับเพิ่มขึ้นกว่า 80% อย่างไรก็ตาม การเติบโตขึ้นในจำนวนดังกล่าวส่วนใหญ่แล้วยังเป็นสตาร์ทอัพที่อยู่ในช่วงของการพัฒนาแนวคิดและช่วงพัฒนาผลิตภัณฑ์ (Problem Solution Fit and Product Market Fit) โดยสตาร์ทอัพที่มีศักยภาพและสามารถเริ่มดำเนินธุรกิจได้จริงอยู่ที่ประมาณ 1,500 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ ช่วยให้เกิดการจ้างงานได้ถึง 7,500 อัตรา หรือคิดเป็นสัดส่วน 1:5 (ที่มา : สมาคมการค้าเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการเทคโนโลยีรายใหม่) ทั้งนี้ ยังพบอีกว่าสตาร์ทอัพส่วนใหญ่ของไทยจะอยู่ในกลุ่มของแพลตฟอร์มแอปพลิเคชัน ระบบ Fintech, E-Commerce ที่กำลังครอบคลุมและกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก การบริการต่างๆ (Service Tech) ผ่านช่องทางออนไลน์ ตามมาด้วยการพัฒนาระบบการจัดการทางธุรกิจและการเป็นส่วนหนึ่งกับกิจวัตรประจำวัน โดยปัจจัยที่ช่วยสนับสนุนการเติบโตดังกล่าวมาจากความนิยมในการใช้อินเทอร์เน็ต ความต้องการความสะดวกสบายในชีวิต ตลอดจนประสิทธิภาพทางระบบอินเทอร์เน็ตของไทยที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างดี สำหรับแนวโน้มในอนาคต การประกอบธุรกิจสตาร์ทอัพจะไม่ได้มีเพียงแค่เทค-ดิจิตอลสตาร์ทอัพเท่านั้น แต่จะต้องพัฒนาให้เกิดอย่างครอบคลุมตามกระแสโลกที่เป็นไป โดยแนวโน้มสตาร์ทอัพที่จะเติบโตมากขึ้นในปี 2561 และน่าจับตาพบว่าอยู่ในภาคเกษตร อาหาร ท่องเที่ยว และสุขภาพ แบ่งเป็น 7 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจภาครัฐและการศึกษา กลุ่มการเกษตรและอาหาร กลุ่มนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ กลุ่มอุตสาหกรรมการผลิตแห่งอนาคต กลุ่มไลฟ์สไตล์และความบันเทิง กลุ่มเทคโนโลยีท่องเที่ยว และกลุ่มเทคโนโลยีอสังหาริมทรัพย์ (ที่มา : สนช.) ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ด้าน ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กล่าวเสริมว่า กสอ.ได้กำหนดให้การส่งเสริมสตาร์ทอัพเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์หลักของหน่วยงาน ซึ่งแนวทางการส่งเสริมสตาร์ทอัพของ กสอ.ในปี 2560 นี้ได้แบ่งนโยบายการสนับสนุนกลุ่มคนดังกล่าวใน 4 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1. การพัฒนาผู้ประกอบการและสร้างสตาร์ทอัพรายใหม่ด้วยการส่งเสริมความรู้และทักษะในการดำเนินธุรกิจด้วยการนำระบบเทคโนโลยี ดิจิตอล และพัฒนานวัตกรรมขึ้นใหม่หรือพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจ 2. การให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญในการสร้างโมเดลธุรกิจเริ่มต้น การกำหนดตลาด กลุ่มเป้าหมายการเขียนแผนงาน เพื่อการนำเสนอแนวความคิดสร้างสรรค์ที่เป็นไปได้ต่อการพัฒนาสู่ธุรกิจจริงต่อแหล่งทุน 3. การพัฒนาระบบนิเวศที่เอื้อต่อการทำงานและการแบ่งปันความคิดสร้างสรรค์ร่วมกันทั้งในรูปแบบ Co-Working Space, Maker Space ตลอดจน Innovation Space เพื่อผลักดันให้เกิดการรวมตัว พัฒนาผลงาน โดยมีตัวอย่างที่เห็นผลสำเร็จ อาทิ กลุ่ม Chiang Mai Maker Space พร้อมด้วยศูนย์ออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์ หรือ Thai IDC และศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรรมสู่อนาคต หรือ ศูนย์ ITC 4. การส่งเสริมการเข้าถึงแหล่งทุน โดยจัดให้มีกิจกรรมการแข่งขันเพื่อนำเสนอผลงานการสร้างผลิตภัณฑ์หรือการบริการที่มีมูลค่าสูง เพื่อให้ได้รับโอกาสและประสบการณ์ในการแสวงหาแหล่งทุนในรูปแบบ Angel Fund เพื่อการจัดตั้งธุรกิจ ซึ่งในปีนี้มีกิจกรรม Angel Fund for Startup ปี 2 โดย กสอ.ได้ร่วมกับ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) พัฒนาไอเดียสร้างสรรค์ที่เกิดจากคนรุ่นใหม่ที่สามารถต่อยอดเริ่มต้นธุรกิจได้ พิธีมอบเงินทุนสนับสนุนการจัดตั้งธุรกิจ กิจกรรม Angel Fund for Startup ณ เวทีกลาง ชาเลนเจอร์ 2 อิมแพค เมืองทองธานี นอกจากนั้น เร็วๆ นี้ กสอ.ได้จัดพิธีมอบเงินทุนสนับสนุนการจัดตั้งธุรกิจ กิจกรรม Angel Fund for Startup ณ เวทีกลาง ชาลเลนเจอร์ 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ภายในงาน Thailand Industry Expo 2017 โดยกิจกรรม Angel Fund for Startup ในปีนี้มีกลุ่มสตาร์ทอัพและนำเสนอผลงานจำนวนถึง 254 ทีม/459 คน และทีมที่ได้รับคัดเลือกเข้ารับทุน Angel Fund ในวงเงิน 500,000 บาท ภายใต้ Thailand 4.0 ได้แก่ ทีมReadRing (รี้ด-ริง) ผู้พัฒนาแนวคิดและผลงานคอมพิวเตอร์เบรลล์ขนาดพกพาพร้อมฟังก์ชันอ่านหนังสือปกติสำหรับคนตาบอด และทีม The Brother Team ผู้พัฒนาแนวคิดและผลงาน IO-Med โซลูชันส์เพื่อใช้ในกลุ่มอุตสาหกรรม Health Care และภายใต้โจทย์ Energy Management ได้แก่ ทีม Pure Control System ผู้พัฒนาแนวคิดผลงานการบริหารจัดการเครือข่ายไฟฟ้าแสงสว่างขนาดใหญ่ในพื้นที่กว้างแบบไร้สาย สามารถเพิ่มหรือลดปริมาณแสงสว่างเพื่อการประหยัดพลังงาน และทีม OM FOR YOU ผู้พัฒนาแนวคิดผลงานระบบเพิ่มความชาญฉลาดให้กับ Building Automation System (BAS) เพื่อช่วยลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า “หลังจากผู้ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนแล้ว กสอ.จะเข้าติดตามความต่อเนื่อง และร่วมพัฒนา ตลอดจนเผยแพร่และสนับสนุนผ่านช่องทางต่างๆ ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น” ดร.พสุกล่าวทิ้งท้าย อ้างอิง https://goo.gl/frAEBW
07 ส.ค 2017
ศภ.7 เข้าร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพิ่มประสิทธิภาพการปรึกษาแนะนำวิสาหกิจชุมชน
ระหว่างวันที่ 2-4 สิงหาคม 2560 ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร มอบหมายให้ นายประหยัด ดาราย้อย และนางสาวอภิชญา มาศรักษา เข้าร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพิ่มประสิทธิภาพการปรึกษาแนะนำวิสาหกิจชุมชน ภายใต้โครงการยกระดับเพิ่มศักยภาพวิสาหกิจชุมชน ร่วมกับ สพช.กสอ. เพื่อให้การส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนมีประสิทธิภาพและเกิดประสิทธิผลในการดำเนินงาน จึงต้องสร้างความเข้าใจให้กับผู้ปฏิบัติงานและวิสาหกิจชุมชนเกี่ยวกับความสำคัญและเป้าหมายของการพัฒนาวิสาหกิจชุมชนอย่างเป็นระบบ----------------------------------------------------------ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ธุรกิจอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อให้มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการประกอบการ ที่เป็นเลิศและมีความยั่งยืนสู่สากลโทรศัพท์ : (045)314135, (045)314216-7, (045)311987โทรสาร : (045)311987website : https://ipc7.dip.go.thfacebook : https://www.facebook.com/dip.ipc7
07 ส.ค 2017
โครงการจัดกิจกรรมประกวดตราสัญลักษณ์และคำขวัญการป้องกันและต่อต้านการทุจริต กระทรวงอุตสาหกรรม
โครงการจัดกิจกรรมประกวดตราสัญลักษณ์และคำขวัญการป้องกันและต่อต้านการทุจริต กระทรวงอุตสาหกรรม ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริต กระทรวงอุตสาหกรรม เชิญชวนนักเรียน นักศึกษา เจ้าหน้าที่ของรัฐและประชาชนทั่วไปเข้าร่วมโครงการจัดกิจกรรมประกวดตราสัญลักษณ์และคำขวัญการป้องกันและต่อต้านการทุจริต กระทรวงอุตสาหกรรม รายละเอียดสามารถติดตามได้ตาม link นี้ https://goo.gl/J7qHEh หรือดาวน์โหลดใบสมัครได้ตาม link นี้ https://goo.gl/sB5F22 หรือสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02 2023683
05 ส.ค 2017
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และเครือข่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ร่วมงาน “ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี”
วันที่ 4 สิงหาคม 2560 นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วยผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และเครือข่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ร่วมงาน “ประชารัฐร่วมใจ ใต้ร่มพระบารมี” โดยมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์ โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรม และเครือข่ายผู้ประกอบการอุตสาหกรรม ร่วมบริจาคเงินเข้า “กองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี” จำนวน 22,481,100 บาท ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในภาคเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล ---------------------------------------------------------- ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ธุรกิจอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อให้มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการประกอบการ ที่เป็นเลิศและมีความยั่งยืนสู่สากล โทรศัพท์ : (045)314135, (045)314216-7, (045)311987 โทรสาร : (045)311987 website : https://ipc7.dip.go.th facebook : https://www.facebook.com/dip.ipc7
04 ส.ค 2017
นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร เข้าร่วมประชุมกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ
วันที่ 4 สิงหาคม 2560 ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร เข้าร่วมประชุมกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ จังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นายชัชพงศ์ เอมะสุวรรณ เป็นประธาน และมีนางละเอียด ไขศรีมธุรส ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม, นายรัฐนนท์ บุญญา และ นางสาวจันทร์จิรา ทองนำ ร่วมสังเกตุการณ์ ณ ห้องประชุม สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี
04 ส.ค 2017
นายอุเทน โชติชัย เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 1 โครงการปรับปรุงผังประเทศ
วันที่ 3 สิงหาคม 2560 ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร มอบหมายให้ นายอุเทน โชติชัย ผู้อำนวยการส่วนแผนงานและบริหารทั่วไป เข้าร่วมประชุมเชิงปฏิบัติการ ครั้งที่ 1 โครงการปรับปรุงผังประเทศ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ โรงแรมเจริญธานี จังหวัดขอนแก่น ----------------------------------------------------------ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ธุรกิจอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อให้มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการประกอบการ ที่เป็นเลิศและมีความยั่งยืนสู่สากลโทรศัพท์ : (045)314135, (045)314216-7, (045)311987โทรสาร : (045)311987website : https://ipc7.dip.go.thfacebook : https://www.facebook.com/dip.ipc7
03 ส.ค 2017
ถาม & ตอบ
ถาม : ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 ตั้งอยู่ที่ไหน ? ตอบ : ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 ตั้งอยู่ เลขที่ 222 หมู่ 24 ถนนคลังอาวุธ ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี 34000 ถาม : จะเข้าร่วมโครงการต่างๆ ของศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 ได้ยังไง ? ตอบ : สามารถสอบถามรายละเอียดของโครงการต่างๆ ได้ที่เว็บไซต์ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 หรือติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.facebook.com/dip.ipc7 สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/dip.ipc7
01 ส.ค 2017
กระทรวงอุตฯ เร่งออกมาตรการด่วนฟื้นฟูเอสเอ็มอี และวิสาหกิจชุมชน หลังพายุถล่มโรงงานอีสาน สั่งการหน่วยงานในสังกัดลงพื้นที่ทันที
กรุงเทพฯ 31 กรกฎาคม 2560 - กระทรวงอุตสาหกรรม เร่งบรรเทาความเสียหายจากวิกฤตการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในภาคอุตสาหกรรมพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน โดยมอบหมายให้หน่วยงานภายใต้สังกัด ได้แก่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมโรงงานอุตสาหกรรม สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม และธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ออกมาตรการเร่งด่วนเพื่อฟื้นฟูกิจการโรงงานอุตสาหกรรม และวิสาหกิจชุมชนทันที ประกอบด้วย มาตรการการฟื้นฟูสถานประกอบการหรือโรงงานอุตสาหกรรม อาทิ มาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมต่าง ๆ มาตรการเชื่อมโยงโรงงานฯ และ SMEs ที่ถูกน้ำท่วมกับสินเชื่อ SMEs Bank มาตรการการลงพื้นที่ เพื่อให้คำแนะนำการป้องกัน ตลอดจนการกำหนดให้ SME Support and Rescue Center ศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SMEs เป็นศูนย์ช่วยเหลือสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยจาการติดตามสถานการณ์และการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด พบว่า จังหวัดสกลนครเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด มีสถานประกอบการและโรงงานอุตสาหกรรมของ SMEs ได้รับความเสียหายมากถึง 80 – 100 โรงงาน อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้กระทรวงฯ จะยังคงติดตามสถานการณ์และพื้นที่เฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด พร้อมด้วยพื้นที่ที่ยังคงต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ จังหวัดนครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อการกำหนดมาตรการการช่วยเหลือระยะอื่นๆ ต่อไป นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย จนทำให้เกิดภาวะน้ำป่าไหลหลาก อุทกภัยแบบฉับพลัน รวมถึงดินโคลนถล่มในหลายพื้นที่ ซึ่งขณะนี้ได้ส่งผลอย่างรุนแรงต่อการดำเนินชีวิตรวมถึงทรัพย์สินต่างๆ ที่มีความเสียหายและได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างทั้งในส่วนของราชการและประชาชน โดยจากการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด กระทรวงอุตสาหกรรมพบว่า ภาคอุตสาหกรรมก็เป็นภาคส่วนหนึ่งที่กำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ไม่ว่าจะเป็นสถานประกอบการของผู้ประกอบการ SMEs โรงงานอุตสาหกรรม วิสาหกิจชุมชน ตลอดจนหน่วยงานและศูนย์บริการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ จากการประเมินความเสียเบื้องต้นทราบว่า ในจังหวัดสกลนครถือเป็นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายมากที่สุด โดยมีสถานประกอบการและโรงงานอุตสาหกรรมของ SMEs ได้รับผลกระทบถึง 80-100 โรงงาน จากจำนวนโรงงานจำพวก 2 และ 3 รวมกว่า 600 โรงงาน อีกทั้งยังมีพื้นที่ที่ยังต้องเฝ้าระวังความเสียหายอีก 4 จังหวัด คือ นครพนม ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด ทั้งนี้ สามารถสรุปสถานการณ์อุทกภัยและน้ำไหลหลากปัจจุบันมี 19 จังหวัด ดังนี้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 10 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร นครราชสีมา ขอนแก่น มหาสารคาม กาฬสินธุ์ บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ มุกดาหาร อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ภาคเหนือ 5 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน พิษณุโลก พิจิตร สุโขทัย และอุตรดิตถ์ ภาคกลาง 2 จังหวัด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา และลพบุรี ภาคใต้ 2 จังหวัด ได้แก่ ระนอง ชุมพร สำหรับจังหวัดสกลนคร ระดับน้ำยังมีการเพิ่มขึ้น เนื่องจากเกิดฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้ำจากเทือกเขาภูพานไหลหลากลงมา ประกอบกับอ่างเก็บน้ำในพื้นที่ปริมาณน้ำสูงกว่าระดับกักเก็บน้ำ ทำให้น้ำไหลทะลักท่วมพื้นที่รวม 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอเมืองสกลนคร สว่างแดนดิน พังโคน เต่างอย กุสุมาลย์ พรรณานิคม และอากาศอำนวย ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบ 7,863 ครัวเรือน 23,538 คน ส่วนโรงงานอุตสาหกรรมในจังหวัดสกลนคร มีจำนวนทั้งสิ้น 609 โรงงาน (โรงงานจำพวก 2 จำนวน 180 โรงงาน และโรงงานจำพวก 3 จำนวน 429 โรงงาน) จากอุทกภัยครั้งนี้ส่งผลกระทบต่อโรงงาน ประมาณ 100 โรงงาน คิดเป็นร้อยละ 16.42 ของจำนวนโรงงานทั้งหมด ได้แก่ โรงงานหีบน้ำมันปาล์ม โรงสีข้าว โรงงานผลิตยางเครป โรงงานผลิตเสื้อผ้า โรงกลึง โรงงานซ่อมและเคาะพ่นสี เป็นต้น สำหรับความช่วยเหลือของภาคอุตสาหกรรม ที่จะให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ประกอบด้วย รถบรรทุกขนาดใหญ่สำหรับอพยพผู้ประสบภัยออกนอกพื้นที่ 494 คัน เครื่องสูบน้ำ 151 เครื่อง เรือ 71 ลำ และเงินบริจาค จำนวน 515,500 บาท และบางรายได้บริจาคสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น น้ำดื่ม ข้าวสาร บะหมี่สำเร็จรูป ผ้าห่ม รองเท้าบูทยางกันน้ำ อาหารแปรรูป น้ำมันพืช นม น้ำตาลทราย น้ำผักและผลไม้ และยารักษาโรค เป็นต้น และขณะนี้ยังเปิดรับการช่วยเหลือจากผู้ประกอบการอยู่ อย่างไรก็ดี กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ออกมาตรการช่วยเหลือเบื้องต้น ดังต่อไปนี้ มาตรการเร่งด่วน 1. สำรวจพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ และพื้นที่เฝ้าระวัง เพื่อให้คำแนะนำการป้องกันพร้อมแจกจ่ายคู่มือการป้องกันเครื่องจักรอุปกรณ์ที่จะได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วม 2. การฟื้นฟูสถานประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชน โดยความร่วมจากมหาวิทยาลัยเครือข่ายและบริษัทเอกชนใหญ่ในพื้นที่ จะเข้าร่วมทำความสะอาด ตรวจเช็คเครื่องจักร ระบบไฟฟ้า และซ่อมแซมเครื่องจักรอุปกรณ์ ภายหลังน้ำลด 3. ยกเว้นค่าธรรมเนียมรายปีให้กับโรงงานอุตสาหกรรม ค่าธรรมเนียมตรวจควบคุมคุณภาพ ค่าธรรมเนียมใบอนุญาต ค่าการตรวจติดตามทั้งร้านจำหน่ายและผู้ทำ ในพื้นที่จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ส่วนระยะเวลาที่ยกเว้นกระทรวงอุตสาหกรรมจะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อไป 4. มอบหมายศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจภายในศูนย์สนับสนุนและช่วยเหลือ SME (SME Support and Rescue Center : SSRC) ที่อยู่ภายในสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด เพื่อทำหน้าที่เป็นหน่วยประสานงานการให้ความช่วยเหลือสถานประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภัยพิบัติน้ำท่วม พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เป็นหน่วยงานกลางในการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 5. ลูกค้าสินเชื่อโครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครับและหัตถกรรมไทยของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นลูกหนี้เดิมให้มีการพักชำระหนี้ 4 เดือน ปลอดหนี้ไม่เกิน 4 เดือน โดยลดอัตราดอกเบี้ยลงเหลือร้อยละ 1 ระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย และวิสาหกิจชุมชน ได้มีเงินทุนหมุนเวียนสำหรับนำไปพัฒนาระบบการบริหารจัดการ พัฒนาการผลิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ ตลอดจนพัฒนาการตลาดต่าง ๆ อย่างสร้างสรรค์ มาตรการระยะกลาง 1. เชื่อมโยงโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ประกอบการ SMEs และวิสาหกิจชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย กับสินเชื่อของ SME Bank โดยผ่อนปรนระยะเวลาชำระหนี้ และให้สินเชื่อ (สินเชื่ออุทกภัย) เพิ่มเติมในการฟื้นฟูกิจการรายละไม่เกิน 15 ล้านบาท (มาตรการที่ช่วยเหลือเพิ่มเติมให้แก่ SMEs ทั่วไป ทั้งนี้ SME Bank อยู่ระหว่างนำเสนอ สศค. กระทรวงการคลัง ขยายสินเชื่ออุทกภัยภาคใต้ วงเงิน 5,000 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ (3%) ผ่อนชำระยาวถึง 7 ปี ให้ครอบคลุม SMEs ที่ประสบอุทกภัยทั้งหมดของประเทศ) 2. ประสานไปยังผู้ประกอบการที่มีศักยภาพในพื้นที่จังหวัดที่ไม่ได้รับผลกระทบ (modern tradeทั้งหลาย) ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด และอุตสาหกรรมจังหวัดต่าง ๆ นำสินค้า มอก. (โดยเฉพาะข้าวของเครื่องใช้ภายในบ้าน) มาจำหน่ายในราคาพิเศษ https://goo.gl/9Z1buW
31 ก.ค. 2017
นางละเอียด ไขศรีมธุรส เข้าร่วมประชุมการจัดกิจกรรม Focus Group จังหวัดอำนาจเจริญ
วันที่ 31 กรกฎาคม 2560 ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร มอบหมายให้ นางละเอียด ไขศรีมธุรส ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม , นางเปลี่ยน. จำปาหอม เข้าร่วมประชุมการจัดกิจกรรม Focus Group กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอี ตามแนวประชารัฐ จังหวัดอำนาจเจริญ โดยมี นางสาวนิลเนตร โลหะพจน์พิลาศ อุตสาหกรรมจังหวัดอำนาจเจริญ เป็นประธานเปิดการประชุม ณ ศาลากลางจังหวัดอำนาจเจริญ ----------------------------------------------------------ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนา ธุรกิจอุตสาหกรรม วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการ และผู้ให้บริการธุรกิจอุตสาหกรรม เพื่อให้มีสมรรถนะและขีดความสามารถในการประกอบการ ที่เป็นเลิศและมีความยั่งยืนสู่สากลโทรศัพท์ : (045)314135, (045)314216-7, (045)311987โทรสาร : (045)311987website : https://ipc7.dip.go.thfacebook : https://www.facebook.com/dip.ipc7----------------------------------------------------------
31 ก.ค. 2017