โทรศัพท์ 1358

DIPROM CENTER 7 รับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วม กิจกรรมพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ่านกลไกศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568
พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วยเทคโนโลยี นวัตกรรม เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง DIPROM CENTER 7 รับสมัครผู้ประกอบการเข้าร่วม กิจกรรมพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ผ่านกลไกศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม ปีงบประมาณ พ.ศ. 2568 คุณสมบัติผู้สมัคร 1. จดทะเบียนการค้า ได้แก่ บุคคลธรรมดาคนเดียว หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด หรือ ห้างหุ้นส่วนสามัญ หรือ บริษัทจำกัด หรือ บริษัทมหาชนจำกัด 2. ประกอบกิจการทุกอุตสาหกรรม สิ่งที่ได้จากการเข้าร่วมโครงการ ผู้ประกอบการ ได้รับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สามารถสร้างหรือเพิ่มมูลค่าให้สินค้า สมัครได้ตั้งแต่วันนี้ เป็นต้นไป จำนวนจำกัด ระยะเวลาโครงการ ภายในระยะเวลาปีงบประมาณ 2568 สถานประกอบการที่สมัครต้องอยู่พื้นที่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร การสมัคร***สแกนคิวอาร์โค๊ดบนใบประกาศ*** ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม คุณบ๊อบ 091-8324139 หรือ เฟสบุ๊คศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 - DIPROM CENTER 7 https://forms.gle/twFm9uS4jZazq5zx5
04 พ.ย. 2024
DIPROM Center 7 รับสมัครเข้าร่วม "กิจกรรม DIProm Creative Product สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ให้ดีพร้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
ขอเชิญผู้ประกอบแฟชั่นและไลฟ์สไตล์ อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ที่ต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม สมัครเข้าร่วม "กิจกรรม DIProm Creative Product สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ ให้ดีพร้อม ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2568 ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม คุณสมบัติ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs), OTOP (จดทะเบียนนิติบุคคล หรือทะเบียนพาณิชย์) ผู้ประกอบการ ในพื้นที่ อุบลราชธานี ศรีสะเกษ ยโสธร และอำนาจเจริญ ประโยชน์ที่ท่านจะได้รับ ผู้เชี่ยวชาญให้คำแนะนำ 4 ครั้ง การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือต่อยอดผลิตภัณฑ์เดิม ให้คำแนะนำด้านการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย งบสนับสนุนการจัดทำตัวอย่างผลิตภัณฑ์ รับสมัครตั้งแต่วันนี้ จนถึง 25 พฤศจิกายน 2567 หรือจนกว่าจะเต็ม ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย สอบถามเพิ่มเติม : 082 151 9973 (ปริทัศน์) ลิ้งสมัครเข้าร่วม... https://forms.gle/bsuqWgtzhEeBwZf96 #DIProm #Creatve #Product #พัฒนาผลิตภัณฑ์ #ผู้เชี่ยวชาญ #แฟชั่น #สิ่งทอ
04 พ.ย. 2024
DIPROM Center 7 รับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากซุปเปอร์ฟู้ด (Super food - Super product) “ ภายใต้โครงการ การยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG
มาแล้วววว….สำหรับผู้ประกอบการที่สนใจอยากจะพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจาก Super food ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในสังคมโลกยุคปัจจุบัน พบกับ “กิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารจากซุปเปอร์ฟู้ด (Super food - Super product) “ ภายใต้โครงการ การยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG คุณสมบัติผู้สมัคร ผู้ประกอบการ SMEs ภาคการผลิตอาหารแปรรูป ในพื้นที่จังหวัด อุบลราชธานี ยโสธร อำนาจเจริญ และศรีสะเกษ สิ่งที่จะได้รับภายในกิจกรรม องค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี นวัตกรรม และงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ซุปเปอร์ฟู้ด การให้คำแนะนำเชิงลึกจากผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงด้วยสารสำคัญจากอาหารซุปเปอร์ฟู้ด การวิเคราะห์และทดสอบคุณภาพผลิตภัณฑ์ ต้นแบบผลิตภัณฑ์ที่มีความพร้อมในการต่อยอดเชิงพาณิชย์ อยากรู้ว่า Super food คืออะไร ทำไมผลิตภัณฑ์ Super food ถึงกำลังเป็นที่นิยมจากผู้บริโภค สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้ที่ (hand pointing down) สแกน QR code หรือสมัครผ่าน link : https://www.shorturl.asia/EUeG3 #DIPROM CENTER 7 #DIPROM #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่7 #กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
04 พ.ย. 2024
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) ???? รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรร เป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 9 ตำแหน่ง 30 อัตรา ‼️ (ไม่ต้องผ่าน ภาค ก. ของ กพ.)
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM) รับสมัครบุคคลเพื่อเลือกสรรเป็นพนักงานราชการทั่วไป จำนวน 9 ตำแหน่ง 30 อัตรา (ไม่ต้องผ่าน ภาค ก. ของ กพ.) รับสมัครตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม ถึง 1 กันยายน 2567 เปิดรับสมัคร นักจัดการงานทั่วไป จำนวน 2 อัตรา นักวิชาการเงินและบัญชีจำนวน 1 อัตรา นักวิชาการเผยแพร่ จำนวน 1 อัตรา นิติกร จำนวน 1 อัตรา นักวิชาการอุตสาหกรรม จำนวน 17 อัตรา นักวิเคราะห์นโยบายและแผน จำนวน 4 อัตรา เจ้าหน้าที่ระบบงานคอมพิวเตอร์ จำนวน 2 อัตรา วิศวกร จำนวน 1 อัตรา เจ้าพนักงานธุรการ จำนวน 1 อัตราสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครสอบได้ที่ https://dip.thaijobjob.com/202408/ ติดต่อสอบถามได้ที่กลุ่มบริหารทรัพยากรบุคคล สำนักงานเลขานุการกรม โทร. 02-430-6865 ต่อ 1025 หรือ 1029 See less
20 ส.ค 2024
ความเป็นกลางทางคาร์บอน (CARBON NEUTRALITY) และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO EMISSIONS) สู่ธุรกิจที่ยั่งยืน
ความเป็นกลางทางคาร์บอน (CARBON NEUTRALITY) และ การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (NET ZERO EMISSIONS) สู่ธุรกิจที่ยั่งยืน . 1. ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) คือ ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศเท่ากับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดกลับคืน โดยผ่าน 3 กลไก ได้แก่ (1) “ลด” การปล่อยก๊าซเรือนกระจก เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียนแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล (Fossil Fuel) (2) “ดูดกลับ” ก๊าซเรือนกระจกจากชั้นบรรยากาศ เช่น การปลูกป่าเพื่อเพิ่มแหล่งสะสมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ตามธรรมชาติ (Carbon Sink) การใช้เทคโนโลยีในการดักจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และนำกลับมากักเก็บใต้พื้นดิน หรือใช้ในอุตสาหกรรมอื่น ๆ และ (3) “ชดเชย” การปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต (Carbon Credit Offset) เช่น ถ้าเราปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 50 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และมีความสามารถในการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกได้เพียง 30 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า เราสามารถชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เหลืออีก 20 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิต 2. การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) เกิดขึ้นได้เมื่อก๊าซเรือนกระจกที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ ของมนุษย์มีภาวะสมดุลกับการลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก กล่าวคือ หากเราปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 50 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ก็จะต้องมีกิจกรรมที่ลดหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 50 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าเช่นกัน ไม่สามารถชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตได้ จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้เป้าหมายของความเป็นกลางทางคาร์บอน และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ห่างกันถึง 15 ปี เนื่องจาก การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ตัดกลไกการชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกด้วยการซื้อคาร์บอนเครดิตออกไปนั้นเอง สำหรับประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับที่ 21 ของโลก ในปี ค.ศ. 2019 ประเทศไทยปล่อยก๊าซเรือนกระจกเท่ากับ 354 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คาดว่าจะปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูงสุดเท่ากับ 368 ล้านต้นคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ภายในปี ค.ศ. 2025 เพื่อเข้าสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 ตามที่ได้ประกาศไว้ ที่มาจาก : บทความโดย นางสาวอัฏฐารจ ชาวชน นักวิชาการสิ่งแวดล้อมปฏิบัติการ กองติดตามประเมินผลสิ่งแวดล้อม เว็ปไซต์ :https://shorturl.asia/m4PNG
20 ส.ค 2024
ประชาสัมพันธ์ งาน "ISAN Moving Green Forward" ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโลก เพื่อเราชาวอีสาน
ประชาสัมพันธ์ งาน "ISAN Moving Green Forward" ก้าวไปข้างหน้าเพื่อโลก เพื่อเราชาวอีสาน ในวันพุธที่ 24 กรกฎาคม 2567 เวลา 08.00 – 17.30 น. ณ ห้องประชุมมงกุฎเพชร โรงแรมโฆษะ อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น พบกับกิจกรรมสุด Exclusive ฟรี จำนวนจำกัด250ที่นั่ง เท่านั้น สำหรับ100ท่านแรกที่ลงทะเบียนหน้างานรับของขวัญสุดพิเศษ Seminar : เจาะลึกเทรนด์ธุรกิจอุตสาหกรรมสีเขียวด้วย Green Marketing ,Green Packaging Green Economy กับอุตสาหกรรมในพื้นที่ และแชร์ประสบการณ์ขับเคลื่อนธุรกิจด้วย BCG Economy Model โดยวิทยากรและองค์กรธุรกิจชั้นนำ Green Business clinic : รับคำปรึกษาเชิงธุรกิจแบบตัวต่อตัวด้านสินเชื่อและสิทธิประโยชน์ทางภาษีสำหรับธุรกิจรักษ์โลก อีกทั้งโชว์แอนด์แชร์จากผู้ประกอบการที่อยู่ในแวดวง BCG พิเศษเฉพาะผู้เข้าร่วมงาน ลงทะเบียนรับสิทธิ์การสนับสนุน - คำปรึกษาด้านออกแบบบรรจุภัณฑ์รักษ์โลก - สินเชื่อด้าน BCG - รับบริการฟรี จากศูนย์ ITC DC5 - รับของที่ระลึกมากมายจากบูธภายในงาน สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ : 0918671569 บริษัทไมซ์โซลูชั่น(ประเทศไทย) จำกัด Line Id : Mice.th E-Mail : Micesolution.th@gmail.com สมัครเข้าร่วมคลิ๊กลิงก์ https://forms.gle/8YCZLBRtHDzSWUt27 จัดโดย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่5 ขอนแก่น กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
16 ก.ค. 2024
รับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Enterprise)
ประชาสัมพันธ์รับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมการเพิ่มศักยภาพการบริหารจัดการธุรกิจด้วยโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Enterprise) ภายใต้โครงการยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 จำนวน 6 กิจการ ดำเนินการโดย ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ บริษัท ออซั่ม เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด
26 มิ.ย. 2024
รับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล (Upcycled product)
รับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาผลิตภัณฑ์อัพไซเคิล (Upcycled product) โครงการการยกระดับธุรกิจ SMEs ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 ดำเนินการโดยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ บริษัท โพรแอค เน็ตเวิร์ค จำกัด เป้าหมาย 4 กิจการ
26 มิ.ย. 2024
รับสมัครเข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตพลังงานและเชื้อเพลิงจากชีวมวล (Biomass)
รับสมัครผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมกิจกรรมการพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตพลังงานและเชื้อเพลิงจากชีวมวล (Biomass) โครงการการยกระดับธุรกิจ SME ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG โครงการการยกระดับธุรกิจ SME ด้วยการประยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2567 วัตถุประสงค์เพื่อเพื่อพัฒนาและยกระดับกระบวนการผลิตพลังงานและเชื้อเพลิงจากชีวมวล (Biomass) ให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการพัฒนาองค์ความรู้ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตามแนวคิด BCG และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคมคาร์บอนต่ำ กลุ่มเป้าหมาย : วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ภาคการผลิตที่จดทะเบียนพาณิชย์ / นิติบุคคล / โรงงาน ที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิต หรืออื่นๆ จำนวน 3 กิจการ ระยะเวลาดำเนินโครงการ : ปัจจุบัน - 15 กันยายน 2567 ระยุกต์ใช้โมเดลเศรษฐกิจ BCG
25 มิ.ย. 2024
"นายก เศรษฐา" หนุนผู้ประกอบการไทยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ให้สอดคล้องความต้องการผู้บริโภคในจีน
"นายก เศรษฐา" หนุนผู้ประกอบการไทยพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรส ให้สอดคล้องความต้องการผู้บริโภคในจีน นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี มุ่งส่งเสริมอุตสาหกรรมอาหารไทย โดยเฉพาะเครื่องปรุงรสไทยให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพิ่มมูลค่าวัตถุดิบจากท้องถิ่น สู่การส่งออกในตลาดต่างประเทศ ยกระดับรายได้ผู้ประกอบการอาหารไทย พร้อมสนับสนุนแนวทางให้แก่ผู้ประกอบไทยที่สนใจตลาดจีน พัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคในจีน ซึ่งตลาดที่มีผู้บริโภคชื่นชอบอาหารและเครื่องปรุงรสไทยจำนวนมาก ทั้งนี้ ปัจจุบันวัตถุดิบและเครื่องปรุงรสไทยได้รับความนิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวจีนเป็นอย่างมาก สอดคล้องกับข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เมืองเซียะเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งระบุว่า มีผู้บริโภคชาวจีนจำนวนมากที่นิยมและชื่นชอบอาหารไทย สะท้อนได้จากร้านอาหารไทยในจีนมีการเติบโตต่อเนื่อง โดยผู้ประกอบการร้านอาหารส่วนใหญ่มักเลือกใช้เครื่องปรุงรสไทยในการดำเนินธุรกิจร้านอาหาร เนื่องจากเครื่องปรุงรสของไทยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ ผลิตจากวัตถุดิบธรรมชาติ ดีต่อสุขภาพ และมีช่องทางการจำหน่ายที่หลากหลาย เช่น ในร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า หรือ บนแพลตฟอร์มออนไลน์ รวมถึงตรงกับกระแสแนวโน้มเรื่องการรักสุขภาพในปัจจุบันที่สูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคชาวจีนมีความใส่ใจทางด้านสุขภาพและรสชาติอาหารมากขึ้น จึงนับเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทยที่จะสามารถเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้าในอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสของไทย ไปสู่ตลาดจีนเพิ่มขึ้นได้ โดยทางสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเซียะเหมินฯ ได้เสนอแนะแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสของไทยไว้ ดังนี้ 1) เน้นรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ เนื่องจากเครื่องปรุงรสแต่ละอย่างของไทย มีกลิ่นและรสสัมผัสที่แตกต่างกัน ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว 2) ควรใช้วัตถุดิบธรรมชาติในการผลิต และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี เนื่องจากผู้บริโภคจีนให้ความสำคัญกับสุขภาพ 3) ประชาสัมพันธ์ถึงข้อมูลด้านวัตถุดิบที่นำมาผลิตเครื่องปรุงรส เนื่องจากเครื่องปรุงรสไทยหลายชนิดมีสมุนไพรและเครื่องเทศเป็นส่วนประกอบ ทำให้มีคุณสมบัติทางยา และบำรุงสุขภาพ นอกจากนี้ ควรมีการจำกัดปริมาณของน้ำตาลและโซเดียมในเครื่องปรุงที่ใช้ให้อยู่ในปริมาณต่ำ เพื่อให้ตรงกับเทรนด์การดูแลสุขภาพของผู้บริโภคชาวจีน 4) เน้นทำการตลาดออนไลน์มากขึ้น เช่น บนเว็บไซต์ โซเชียลมีเดียต่างๆ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากศูนย์อัจฉริยะเพื่ออุตสาหกรรมอาหาร (Food Intelligence Center) กระทรวงอุตสาหกรรม พบว่าในปี 2566 ไทยส่งออกเครื่องปรุงรสเป็นอันดับ 6 ของโลก มูลค่า 977 ล้านเหรียญสหรัฐ มีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5 ปีที่ร้อยละ 7.6 โดยตลาดส่งออกเครื่องปรุงรสของไทยอยู่ใน 3 ภูมิภาคสำคัญ ได้แก่ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ยุโรป และอเมริกาเหนือ นายชัย ย้ำว่า นายกรัฐมนตรีพร้อมสนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องปรุงรสของไทย ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของ Soft Power ด้านอาหาร ที่สามารถขยายตลาดการส่งออกได้มากขึ้น ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเครื่องปรุงไทย ทั้งช่วยชูรสชาติ สร้างความกลมกล่อม และเสริมสีสันให้อาหาร รวมทั้ง หลากหลายเป็นทางเลือกให้ผู้บริโภค ทั้งนี้ จีนถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีศักยภาพ เป็นประโยชน์กับผู้ประกอบการหากได้รับการผลักดันและส่งเสริมให้เติบโต และแข่งขันได้ในตลาดต่างประเทศ #dipromcenter7 #DIPROM #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่7 #กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ที่มา (mgronline, 2567) Website : https://mgronline.com/uptodate/detail/9670000049778
10 มิ.ย. 2024