อยากจะลงจากดอย! ตลาดคริปโตผันผวน เหรียญบิตคอยน์ร่วง 7% อีเทอเรียมร่วง 9%
สำรวจตลาดบิตคอยน์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ระส่ำ พบราคาเหรียญยอดนิยมดิ่งลงอย่างหนัก ตามรายงาน CoinDesk ระบุว่าสกุลเงินดิจิทัลอย่างบิตคอยน์ ร่วงลงมากกว่า 7% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยมีการซื้อขายอยู่ที่ 38,650 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่เหรียญอีเทอเรียม ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของตลาดคริปโตเคอเรนซี่ ร่วงลงมากกว่า 9% โดยมียอดการซื้อขายอยู่ที่ 2,827 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ณ เวลา 22.30 น. วันที่ 20 ม.ค.65) การปรับลดลงของสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี่เป็นผลมาจาก Wall Street ขาดทุนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เช่นเดียวกับ Nasdaq ที่ปรับลดลงเกือบ 5% ในสัปดาห์นี้ และ S&P 500 ที่ต้องเผชิญกับสถานการณ์ไม่ต่างกัน นอกจากนี้ การคลังของสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบอยู่ไม่น้อย เมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแผนที่จะลดงบดุล, จำนวนหุ้นกู้ และขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทั้งนี้ ราคา บิตคอยน์ร่วงลงอย่างรุนแรงตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน คิดเป็น 40% จากที่เคยทำราคาสูงกว่า 67,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2021 ที่มา: cnbc, https://www.smartsme.co.th/content/246157
04 มี.ค. 2022
“เปอร์โตริโก” จุดหมายปลายทางของเศรษฐีหน้าใหม่ เพราะบรรยากาศดี แถมไม่เก็บภาษีคริปโต
ความนิยมของสกุลเงินดิจิทัลที่ผู้คนในหลายประเทศต่างเข้ามาลงทุนกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้รัฐบาล หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเทศนั้น ๆ ต่างออกมาตรการมาควบคุม รวมไปถึงแนวคิดการเก็บภาษีจากคริปโต เพราะถูกมองว่าเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าตอนนี้มีอยู่ 1 ประเทศที่กำลังได้รับความสนใจจากนักลงทุนคริปโตกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่จะเข้าไปอาศัยอยู่นั่นคือ “เปอร์โตริโก” ที่ไม่มีนโยบายเก็บภาษีคริปโตแต่อย่างใด เรื่องนี้ถูกเปิดเผยโดย David Johnston ผู้ประกอบการ และนักลงทุนคริปโตเคอเรนซี่ ที่ออกมากล่าวว่าในเดือนมีนาคม 2021 ครอบครัว-บริษัทของเขา จะย้ายจากออสตินไปยังเปอร์โตริโก โดยแรงจูงใจที่ตัดสินใจเช่นนี้ นอกจากจะเป็นสถานที่ที่มีชายหาดสวยงามแล้ว ยังมีนโยบายไม่เก็บภาษีคริปโตจากการลงทุน ตลอดจนการลดหย่อนภาษีครั้งใหญ่ให้กับผู้ที่มาอยู่อาศัยไม่ต่ำกว่า 183 วันต่อปี ซึ่งผู้ที่เข้ามาอยู่อาศัยสามารถใช้พาสปอร์ตสหรัฐฯ ได้เลย “นี่คือที่ที่เพื่อนทั้งหมดของผมอยู่ ผมไม่มีเพื่อนเหลืออยู่ในนิวยอร์กเลย และบางทีการแพร่ระบาดของโรคก็ช่วยเร่งสิ่งนี้ เพราะทุกคนย้ายไปเปอร์โตริโกหมดแล้ว” David Johnston กล่าว Johnston กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากเห็นเพื่อนเดินทางไปเปอร์โตริโก ทำให้ตนเดินทางไปสำรวจด้วยตนเอง และพบว่าเป็นสถานที่ที่สุดยอดมาก แม้จะเป็นเกาะเล็ก ๆ แต่ก็สร้างความประทับใจเป็นอย่างมาก โดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งวันสามารถเดินทางได้รอบเกาะ แต่อีกมุมหนึ่งก็พบถึงความไม่พอใจของประชากรท้องถิ่นเช่นกัน เนื่องจากการเปิดรับคนต่างชาติด้วยนโยบายดึงดูดด้านคริปโต จะส่งผลกระทบต่อจำนวนประชากรภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น อีกทั้ง นโยบายนี้ใช้แค่บุคคลภายนอกประเทศเท่านั้น รวมถึงในด้านอื่น ๆ ที่จะส่งผลกระทบตาม เช่น ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มสูงขึ้น ที่มา: cnbc https://www.smartsme.co.th/content/246170
03 มี.ค. 2022
ขอเก็บเอง! ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ ช้อนซื้อเหรียญบิตคอยน์ในช่วงตลาดขาลง
แม้ว่าเหรียญบิตคอยน์กำลังอยู่ในสภาวะขาลง โดยตลาดมีการผันผวนอย่างหนัก แต่ก็เป็นโอกาสอีกด้านหนึ่งให้กับนักลงทุนได้เข้าซื้อในราคาที่ถูก หนึ่งในนั้น คือ Nayib Bukele ประธานาธิบดีเอลซัลวาดอร์ที่เมื่อวันศุกร์ที่ 21 มกราคม 65 ได้โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่ารัฐบาลเอลซัลวาดอร์ได้เข้าซื้อบิตคอยน์จำนวน 410 BTC คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมทั้งโพสต์ข้อความเพิ่มเติมว่า “บางคนขายถูกจริง” ย้อนกลับไปเมื่อวันศุกร์ ราคาบิตคอยน์ลดลง 12% อยู่ที่ระดับ 36,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ เช่นเดียวภาพรวมในตลาดคริปโตเคอเรนซี่ที่เหรียญต่าง ๆ ต้องเผชิญกับสภาวะถดถอย เมื่อพูดถึงเอลซัลวาดอร์จะพบว่าเป็นประเทศที่ให้กับสนับสนุนเรื่องการใช้คริปโตเคอเรนซี่ โดยปัจจุบันรัฐบาลเอลซัลวาดอร์ถือครองบิตคอยน์มากกว่า 1,500 BTC และมีแผนจะออกพันธบัตรบิตคอยน์ 10 ปี มูลค่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วงปีนี้ สังเกตได้ว่า Bukele เข้าซื้อบิตคอยน์อย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าเจ้าตัวมีความมั่นใจในสกุลเงินคริปโตเคอเรนซี่ในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ราคาบิตคอยน์ในช่วงเช้าวันที่ 25 ม.ค. 65 พบว่ากลับมาอยู่ในระดับ 36,300 ดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้ง ทั้งนี้ เอลซัลวาดอร์กลายเป็นชาติแรกของโลกที่รับรองบิทคอยน์เป็นสกุลเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย ประชาชนสามารถนำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/246181
02 มี.ค. 2022
Nike – Adidas ร่วมวงเข้าสู่ตลาด NFT เป็นเจ้าของรองเท้าในโลกดิจิทัล
อีกหนึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ และเป็นเทรนด์ของผู้คนยุคใหม่ คงหนีไม่พ้น เอ็นเอฟที (NFT) หรือ Non-fungible tokens ซึ่งจะใช้ซื้อขายชิ้นงานที่เกี่ยวข้องกับศิลปะ วิดีโอ รวมถึงสินค้าอื่น ๆ ที่อยู่ในโลกดิจิทัล ด้วยความที่มีบางอย่างที่คล้ายคลึงกันจึงทำให้แบรนด์กีฬาระดับทั้ง Nike – Adidas มองเห็นช่องทางการตลาด และพร้อมเข้าร่วมวงในตลาด NFT ความคล้ายคลึงกันที่กล่าวมาข้างต้นนี้ คือ NFT เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีชิ้นเดียวบนโลก ไม่สามารถผลิตซ้ำขึ้นมาได้อีก เช่นเดียวกับรองเท้าของแบรนด์ Nike – Adidas ที่มักออกสินค้าในรูปแบบลิมิเต็ด อิดิชั่นขึ้นมา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้แบรนด์มองว่าต่อไป NFT อาจจะอยู่ในรูปแบบของสะสม เป็นรองเท้าผ้าใบดิจิทัล หรือใช้สวมใส่ในโลกเสมือนจริงผ่านวิดีโอเกม และในเมทาเวิร์ส นอกจากนี้ NFT อาจจะได้รับสิทธิ์รับรองเท้าจริงในอนาคต โดยทำหน้าที่เป็นตัวกลางเป็นตั๋วสำหรับแลกเปลี่ยนสินค้า ย้อนกลับไปเดือนที่ผ่านมา Nike สร้างความฮือฮาครั้งสำคัญ เมื่อตัดสินใจเข้าซื้อ RTFKT สตาร์ทอัพผู้สร้าง NFT รองเท้าผ้าใบและของสะสม ซึ่งถือได้ว่าเป็นการตามรอยคู่แข่งในแบรนด์อุปกรณ์กีฬาอย่าง Armour และ Adidas ที่ประสบความสำเร็จในตลาด NFT ขายสินค้าหมดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะ Adidas ที่สร้างยอดขายได้ถึง 23 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ขณะที่ชุด “Into the Metaverse” ลูกค้าที่ซื้อไปในราคาเริ่มต้น 765 ดอลลาร์สหรัฐฯ สามารถนำไปขายต่อทำราคามากกว่า 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ บน NFT ด้าน Under Armour ออกรองเท้าเสมือนจริง รุ่น Genesis Curry Flow เปิดขายครั้งแรกมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 333 ดอลลาร์สหรัฐฯ ปัจจุบันราคาขยับจาก 551 ดอลลาร์สหรัฐฯ สูงกว่า 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเห็นได้ว่าการซื้อรองเท้ากีฬาไปขายต่อเพื่อเก็งกำไรไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะก่อนหน้านี้เราได้เห็นรองเท้า Air Jordans ที่ป้ายราคาแปะไว้ 65 ดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 1985 ถูกเรียกราคา 20,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ บนแพลตฟอร์ม StockX เมื่อปีที่ผ่านมา หากมองในมุมมองของการทำธุรกิจ ผลตอบแทนที่แบรนด์เหล่านี้จะได้รับ คือค่าลิขสิทธิ์ โดยการซื้อ-ขายแต่ละครั้งจะมีการติดตั้งโปรแกรมเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์อยู่ในบล็อกเชน ทำให้เมื่อเกิดการซื้อ-ขาย แบรนด์เจ้าของลิขสิทธิ์จะได้เปอร์เซ็นต์ตามมา แตกต่างจากการขายสินค้าจริงที่แบรนด์ไม่สามารถตามเก็บค่าลิขสิทธิ์ หรือหักรายได้จากยอดขายได้ ที่มา: wsj, voathai, https://www.smartsme.co.th/content/246184
01 มี.ค. 2022
จุดจบสายแคป! Mark Zuckerberg โพสต์เตรียมอัพเดต Messenger แจ้งเตือนเวลาแคปหน้าจอ
เชื่อว่าใครหลายคนที่ใช้แอปพลิเคชัน Messenger ไว้ติดต่อสื่อสารระหว่างกัน และต้องมีบ้างที่จะแคปหน้าจอหากบทสนทนานั้นมีความสำคัญ อย่างไรก็ตาม การแคปหน้าจอส่วนใหญ่จะเป็นไปในเชิงลบ นำความลับของคนอื่นมาเปิดเผยในพื้นที่สาธารณะ อย่างไรก็ตาม Mark Zuckerberg ผู้ก่อตั้ง และซีอีโอของเฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า กำลังอัปเดตโปรแกรมแชท Messenger ให้มีการแจ้งเตือนหากมีผู้แคปหน้าจอ รวมถึงการเพิ่ม GIFs, สติ๊กเกอร์ และปฏิกิริยาต่อแชทที่เข้ารหัส สำหรับการอัปเดตจะใช้กับฟีเจอร์แชทที่เข้ารหัส End-to-End บน Messenger เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับลูกค้าถึงความเป็นส่วนตัวมากขึ้น ไม่เพียงแต่ที่กล่าวไปข้างต้น โปรแกรมแชท Messenger ยังมีการอัพเดตฟีเจอร์อื่น ๆ เช่น การส่งรีแอกชัน, การแสดงสัญลักษณ์เมื่อมีผู้สนทนาพิมพ์อยู่, การบันทึกรูป/วิดีโอ, การแก้ไขวิดีโอ และการส่งข้อความ ที่มา: https://about.fb.com/news/2022/01/updates-to-end-to-end-encrypted-chats-messenger/ https://middleeast.in-24.com/world/607451.html https://www.smartsme.co.th/content/246216
28 ก.พ. 2022
ไม่ธรรมดา! วัยรุ่นอินโดฯ ขายรูปตัวเองบน NFT ทำเงินกว่า 180 ล้านบาทภายใน 10 วัน
กระแส NFT เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่อยู่ในเทรนด์สินทรัพย์ดิจิทัลที่น่าสนใจจากการขายรูปวาดงานศิลปะของตัวเองลงบนแพลตฟอร์มขายสินค้า ที่ผ่านมา เราเห็นผลงานของนักวาดรุ่นใหม่ที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำจากการขายภาพวาดดิจิทัลอาร์ตมามากมายเช่นเดียวกับ Irene Zhao อินฟลูเอนเซอร์สาว วัย 28 ปี ชาวอินโดนีเซียที่สร้างรายได้จาก NFT สูงถึง 7.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 184 ล้านบาท) ภายในเวลาแค่ 10 วัน รูปภาพของ Irene Zhao ที่ถูกนำมาวางขายนั้นเป็นรูปภาพของตัวเธอในอริยบถต่าง ๆ อยู่บนแบล็คกราวน์สีมิ้นต์ พร้อมกับข้อความมีมซ้อนทับ ไม่ว่าจะเป็น คำว่า "Up Only", "Wen Moon" และ "Damp It" ผ่านคอลเล็กชั่นที่มีชื่อว่า IreneDAO จำนวน 1,107 ไอเทม วางขายบน Opensea จุดเริ่มต้นของคอลเล็กชั่น IreneDAO ถูกเปิดตัวเมื่อวันที่ 14 มกราคม 65 โดยปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการซื้อขายภาพของ Irene Zhao เพิ่มสูงขึ้นมาจากการประกาศซื้อ NFT ของ Mike Novogratz ซีอีโอ Galaxy Digital จนทำให้ภาพของเธอมีมูลค่าเพิ่มสูงจนกลายเป็นกระแส ปัจจุบัน คอลเล็กชั่น IreneDAO สร้างรายได้รวม 2,300 อีเทอเรียม หรือคิดเป็น 7.5 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ทั้งนี้ Irene Zhao เริ่มต้นขายแพ็คสติ๊กเกอร์บน Telegram ต่อมาแฟนคลับได้แนะนำให้ไปวางขายใน NFT ซึ่งพวกเขาได้รับแรงบันดาลใจจาก Ghozali อินฟลูเอนเซอร์ด้านคริปโตชาวอินโดนีเซียที่สร้างรายได้ 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากการถ่ายภาพเซลฟี่ ที่มา: mothership https://www.smartsme.co.th/content/246233
27 ก.พ. 2022
Power bank ทรงพลังความจุ 27 ล้าน mAh ชาร์จมือถือได้ 1,000 เครื่อง
ปกติเราจะ Power bank ทั่วไปมีขนาดเล็ก กะทัดรัด พกพาไปไหนมาไหนสะดวก และมีความจุพลังงานในการชาร์จอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีปริมาณจำกัด แต่เรื่องที่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นก็ได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อ Handy Geng ยูทูปเบอร์ชาวจีนตัดสินใจสร้าง Power bank ความจุขนาด 27 ล้าน mAh ที่ไม่ใช่แค่ชาร์จโทรศัพท์ได้มากถึง 1,000 เครื่อง แต่ยังสามารถเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านได้อีก ไม่ว่าจะเป็น เครื่องซักผ้า และทีวี จุดเริ่มต้นของ Geng มาจากโปรเจคท์ส่วนตัวที่นำ Power bank 5.9 ฟุต กับ 3.9 มาเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน หลังพัฒนามาเรื่อย ๆ สุดท้ายออกมาเป็น Power bank ความจุขนาด 27 ล้าน mAh โดย Handy Geng เล่าว่าพลังงานส่วนใหญ่มาจากมวลสารประเภทเดียวกันคล้ายกับแบตเตอรี่แบบแบนที่พบได้ในรถยนต์ไฟฟ้าทั่วไป ความพิเศษของ Power bank นี้เพียงพอที่จะชาร์จโทรศัพท์ประมาณ 5,000 เครื่อง พร้อมแบตเตอรี่เต็มความจุ 3,000 mAh นอกจากนี้ ยังมีช่องเสียบปลั๊กถึง 60 ช่อง ไว้สำหรับชาร์จโทรศัพท์มือถือ การสาธิตเป็นไปอย่างประทับใจ เพราะ Power bank นี้สามารถเชื่อมโยงกับอุปกรณ์เครื่องใช้ภายในบ้าน ขณะอยู่นอกบ้าน ซึ่ง Geng ใช้ดูทีวีขนาดใหญ่ และสั่งงานเครื่องซักผ้า ขณะนั่งตกปลาอยู่ริมแม่น้ำ ที่มา: techspot https://www.smartsme.co.th/content/246245
26 ก.พ. 2022
PEA-บางจาก เดินหน้าตั้งสถานีชาร์จรถ EV ครอบคลุมทุก 100 กม. ทั่วประเทศ
กระแสรถยนต์ไฟฟ้าถูกคาดหมายว่าจะเป็นเทรนด์ของอุตสาหกรรมยานยนต์ในอนาคต จึงทำให้ผู้ให้บริการด้านพลังงาน เริ่มหันมาติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพื่อเตรียมพร้อมรองรับความต้องการของผู้บริโภค ล่าสุด การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) ร่วมมือกับบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดตัวสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA อย่างเป็นทางการ บริเวณสถานีบริการน้ำมันบางจาก สาขาชะอำปาร์ค ให้กับผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้ามั่นใจกับการเดินทางหลักทุกระยะ 100 กิโลเมตร ที่รองรับรถ EV หลายรุ่น จากหลากหลายแบรนด์ อาจจะกล่าวได้ว่าการตั้งสถานีชาร์จรถ EV ในครั้งนี้เป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้เดินทางสามารถเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยได้อย่างมั่นใจ เพราะมีสถานีชาร์จรถ EV ที่ครอบคลุม โดยเช็คข้อมูลผ่านแอปพลิเคชัน PEA VOLTA นายสมพงษ์ ปรีเปรม ผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กล่าวว่าปัจจุบันเทรนด์การใช้พลังงานสะอาดกำลังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก การใช้รถยนต์ไฟฟ้าจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม จากสถานการณ์ปัจจุบันยานยนต์ไฟฟ้ามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับประเทศไทยมีการตื่นตัวใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น “เราได้เปิดตัวสถานีอัดประจุไฟฟ้า PEA VOLTA และเร่งเปิดให้บริการเพิ่มเติมให้เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน PEA VOLTA ยังมีแผนการขยายบริการสถานีอัดประจุไฟฟ้า ตามเส้นทางหลัก เส้นทางรอง และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ 75 จังหวัด รวมทั้งสิ้น 263 สถานี ภายในปี 2566" ด้าน นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ. บางจาก คอร์ปอเรชั่น กล่าวว่าภายในไตรมาส 2 จุดบริการ EV Charging Station ในปั๊มน้ำมันบางจาก จะเปิดให้บริการ 56 สาขา บนเส้นทางหลักทุกระยะเส้นทาง 100 กิโลเมตรโดยประมาณ ครอบคลุม ทุกทิศทั่วไทย รองรับรถ EV หลากหลายรุ่น หลากหลายแบรนด์ เป็นเพื่อนร่วมเดินทางที่จะช่วยสร้างความอุ่นใจให้ผู้ใช้รถ EV ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/244036
25 ก.พ. 2022
เปิดมูลค่า Dogecoin เติบโต 12,000% หากลงทุน 30,000 บาท นี่คือกำไรที่จะได้คืน
กระแสบิตคอยน์ยังคงแรงต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Dogecoin ที่ทำสถิติแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 69 เซนต์ในเช้าวันพุธ (5 พ.ค.64) ที่ผ่านมา แน่นอนว่าเมื่อเทียบนับตั้งแต่ต้นปีมา Dogecoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเป็นที่จับตามองของนักลงทุน จุดเริ่มต้นที่ทำให้เหรียญ Dogecoin กลายเป็นที่สนใจ คนแห่เข้าไปลงทุนกันมากเกิดจาก Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ได้ทวิตข้อความว่าจะไปออกรายการ Saturday Night Live และมีการพูดถึง Dogecoin ทำให้หลังจากนั้นเหรียญดิจิทัลดังกล่าวมีราคาพุ่งสูงอย่างรวดเร็ว หลายคนอาจเกิดคำถามขึ้นมาว่าหากตัดสินใจซื้อเหรียญ Dogecoin ตั้งแต่ต้นปี ผ่านมา 4 เดือนคุณจะมีกำไรเท่าไหร่ เมื่อลองคำนวณก็จะพบว่า หากลงทุนซื้อเหรียญ Dogecoin คิดเป็น 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.64 มาวันนี้จะมีมูลค่า 121,052 ดอลลาร์สหรัฐฯ เติบโต 12,000% หลังจาก Dogecoin ทำสถิติแตะระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 69 เซนต์ในเช้าวันพุธ (5 พ.ค.64) ซึ่งมากกว่าสกุลเงินบิตคอยน์อื่น ๆ หากนำมาเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยนกับสกุลเงินไทย จะพบว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 31,220 บาท นับตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันเหรียญ Dogecoin ทำมูลค่าสูง 121,052 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นเงินไทยประมาณ 3,779,243 บาท เลยทีเดียว ก่อนหน้านี้ มีคนเตือนว่าหากซื้อเหรียญ dogecoin เพื่อเก็งกำไร โดยหวังตามเทรนด์ที่กำลังเป็นที่นิยมอาจสุ่มเสี่ยงที่จะเกิดสภาวะฟองสบู่แตกกับการลงทุนในสกุลเงินที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน Adam Zadikoff ซีอีโอของ BRD กล่าวว่าก่อนหน้านี้เราแทบไม่รู้จักเลยว่า dogecoin คืออะไร แต่พลังกของโซเชียลมีเดียทำให้เห็นแล้วในวันนี้ และนี่คือสิ่งที่ผู้คนให้ความสนใจอยู่ ณ ตอนนี้ ที่มา : CNBC https://www.smartsme.co.th/content/244190
24 ก.พ. 2022
“กล่องใส่อาหาร” จากชานอ้อย นวัตกรรม “สีเขียว” เพื่อผู้ป่วยจาก วว.
ศ.(วิจัย) ดร.ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ผู้ว่าการ วว. กล่าวว่า วว. โดย ศูนย์การบรรจุหีบห่อไทย ประสบผลสำเร็จในการวิจัยและพัฒนา ต้นแบบบรรจุภัณฑ์สีเขียว (Green Packaging) จากชานอ้อย เพื่อใช้สำหรับให้บริการอาหารผู้ป่วยในโรงพยาบาล โดยบรรจุภัณฑ์มีรูปลักษณ์ให้ความรู้สึกสะอาด ถูกสุขอนามัย ขนาดกะทัดรัด ทั้งนี้ วว. วิจัยและพัฒนาภายใต้แนวคิด บรรจุภัณฑ์สีเขียว ที่หมายถึง 1.ความเป็นมิตรกับผู้คน ทั้งผู้ป่วยและผู้ใช้งาน ด้วยรูปแบบที่สะดวกในการใช้งานครั้งเดียว ทั้งการบรรจุอาหารและการตักรับประทาน 2.ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ด้วยวัสดุชานอ้อย ที่เป็นวัสดุธรรมชาติ ซึ่งสามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติ นับเป็นทางเลือกหนึ่งในการลดขยะพลาสติก ช่วยลดเศษอาหารเหลือทิ้งจากการไม่มีเวลารับประทานให้ทันกำหนดเก็บล้าง ลดการใช้น้ำ ลดน้ำเสีย จากการล้างภาชนะหลังการใช้งาน และ 3.ต้นทุนบรรจุภัณฑ์ ผลิตได้ง่าย มีต้นทุนต่ำ มีความยืดหยุ่นในการใช้งาน สามารถใช้บรรจุอาหารได้ทุกประเภท เพราะบรรจุภัณฑ์สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบรรจุอาหารพร้อมรับประทาน (Ready to eat food) อาหารส่งถึงที่ (Delivery food) และอาหารจัดเลี้ยง (Food catering) โดยสอดคล้องกับ กับนโยบาย BCG Model คือ เศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว ต้นแบบบรรจุภัณฑ์เขียวจากชานอ้อย สำหรับให้บริการอาหารผู้ป่วยในโรงพยาบาล และอยู่ระหว่างการต่อยอดงานวิจัยให้สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลายมากขึ้น ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/244509
22 ก.พ. 2022