โทรศัพท์ 1358
กสอ.เตรียมเปิดศูนย์ ITC อัพเกรด SME ไทยผลิตสินค้ามูลค่าสูง
กสอ.เตรียมเปิดศูนย์ ITC อัพเกรด SME ไทยผลิตสินค้ามูลค่าสูง
กสอ.เตรียมเปิดศูนย์ ITC อัพเกรด SME ไทยผลิตสินค้ามูลค่าสูง กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) เผยความพร้อมการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industry Transformation Center : ITC) ศูนย์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้วยน วัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ที่มีมูลค่าสูง โดยศูนย์ดังกล่าวประกอบด้วยฟังก์ชั่นบริการ 4 ส่วน ได้แก่ ITC Match, ITC Innovate, ITC Share และ ITC Fund โดยการส่งเสริมทั้งหมดเหล่านี้จะถูกบรรจุเป็นการบริการในรูปแบบต่างๆ ที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้ประกอบการภายในศูนย์ ITC บนพื้นที่ซอยตรีมิตร ถนนพระราม 4 คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในราวเดือนสิงหาคม 2560 ภายใต้งบประมาณ 924 ล้านบาท ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรมได้รับมอบหมายจากรัฐบาลและกระทรวงอุตสาหกรรมในการรับผิดชอบโครงการปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่ยุคประเทศไทย 4.0 (Industry Transformation for Thailand 4.0) พร้อมด้วยการจัดตั้งศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต (Industry Transformation Center : ITC) เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นในภาคอุตสาหกรรมนั้น ขณะนี้ได้มีความคืบหน้าเกี่ยวกับความพร้อมในการให้บริการของศูนย์ฯรวมทั้งหน่วยงานและระบบปฏิบัติการสำหรับส่งเสริมผู้ประกอบการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากนี้ กสอ.จะเร่งการประชาสัมพันธ์พร้อมสร้างการรับรู้อย่างกว้างขวางให้เกิดขึ้น โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้ประกอบการได้เห็นความสำคัญของการปฏิวัติสินค้าและบริการด้วยงานวิจัยและนวัตกรรมขั้นสูงเพื่อผลักดันไปสู่ การต่อยอดในเชิงพาณิชย์ โดยจะนำมาซึ่งมูลค่าทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นโดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายที่รัฐบาลได้วางเอาไว้ สำหรับรูปแบบการทำงานของศูนย์ฯ จะไม่ได้ทำงานแค่เพียงลำพังเท่านั้น แต่จะเป็นศูนย์กลางที่ดึงหลากหลายหน่วยงานที่มีความชำนาญทางด้านการออกแบบและวิศวกรรมจากสถาบัน เครือข่ายผู้ประกอบการ สมาคมอุตสาหกรรมสนับสนุนต่างๆ มาให้บริการแก่ภาคเอกชน โดยในเบื้องต้นได้รับความร่วมมือทั้ง สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) สถาบันพลาสติก สถาบันไทย-เยอรมัน สถาบันไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ซึ่งจะร่วมกันพัฒนาส่งเสริมด้วยกิจกรรมหลัก ได้แก่ 1.กิจกรรมปฏิรูปนวัตกรรมผลิตภัณฑ์สำหรับอุตสาหกรรม มุ่งเน้นการปฏิรูปผลิตภัณฑ์ไปสู่อุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เช่น อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยาน อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ 2.กิจกรรมปฏิรูปกระบวนการผลิตด้วยระบบเทคโนโลยีดิจิทัลสำหรับอุตสาหกรรมและการพัฒนาโรงงานแห่งการเรียนรู้ ซึ่งจะมุ่งเน้นการนำโปรแกรม อุปกรณ์เครื่องมือ หรือนวัตกรรมขั้นสูงต่าง ๆ เข้าไปเปลี่ยนแปลงหรือใช้ในระบบการผลิตที่สอดคล้องกับ Global Value Chain รวมทั้งการวางระบบพัฒนาบุคลากร การปรับปรุงสถานที่ที่มีความทันสมัย ตลอดจนสร้างองค์ความรู้ใหม่ๆ โดยใช้ต้นแบบจากผู้นำทางด้านอุตสาหกรรมทั้งในและต่างประเทศให้เกิดขึ้นในสถานประกอบการ โดยทั้ง 2 กิจกรรมหลักนี้ เบื้องต้นได้วางกรอบงบประมาณภาย ใต้โครงการปฏิรูปอุตสาหกรรมประเทศไทยสู่ยุค 4.0924 ล้านบาท ในการพัฒนาทั้งผู้ประกอบการ บุคลากรที่เกี่ยวข้อง สถานประกอบการ และผลิตภัณฑ์ โดยมีระยะเวลาการดำเนินงานภายใน 5 ปี ดร.พสุ กล่าวว่า สำหรับฟังก์ชั่นบริการของศูนย์ ITC มีองค์ประกอบ 4 ส่วน ได้แก่ ITC Match ศูนย์กลางการสร้างเครือข่ายความ ร่วมมือระหว่างผู้นำอุตสาหกรรมระดับโลกและระดับประเทศและเครือข่าย SMEs ไทย เพื่อให้บริการความร่วมมือทางธุรกิจ การพบปะและหารือกับ LEs หรือ SMEs ของไทยเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยี ชักจูงให้เกิดการลงทุนในศูนย์ฯ เพื่อพัฒนาให้ SMEs มีศักยภาพเพิ่มขึ้น ITC Innovate ศูนย์สาธิตและฝึกอบรมร่วมระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการรับและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ระหว่าง Global Players และ SMEs รวมถึงการพัฒนาและบ่มเพาะให้เกิดงานวิจัยและต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์ในการรับและถ่ายทอดเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีเครื่องจักรที่ช่วยขึ้นรูปงานต้นแบบด้วยเทคโนโลยี 3D Printer Haptic systemสามารถรองรับการบริการให้กับ SMEs และ Startup ITC Share แหล่งรวมบริการเครื่องมือเครื่องจักรต่างๆ ทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ และกำลังคนที่มีทักษะสูงเพื่อสรรค์สร้างนวัตกรรม โดยจัดให้มี Co-Working Space ให้คนเข้ามาติดต่อใช้บริการ Inspiration Galley การแสดงผลงานที่ประสบความสำเร็จ Workshop ให้คนมาสร้างต้นแบบ Learning Factory ให้คนมาทดลองเรียนรู้นวัตกรรมและเทคโนโลยี ITC Fund ศูนย์บริการโปรแกรมและนโยบายสนับสนุนทางการเงิน ผ่านช่องทางต่างๆ จากภาครัฐภาคเอกชนสู่ SMEs เพื่อเชื่อมโยงนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ โดยทั้ง 4 แพลตฟอร์มจะถูกบรรจุเป็นการบริการในรูปแบบต่างๆ ในศูนย์ปฏิบัติการ ITC ซึ่งประกอบไปด้วย 1.อาคารต้นคิดสตูดิโอ อาคารเพื่อการรับและถ่ายทอดเทคโ นโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ ระหว่าง Global Players และ SMEs พร้อมด้วย Co-Working Space ภายในอาคารที่ให้ผู้ใช้บริการสามารถใช้พื้นที่ทำงานได้ 2.อาคารต้นกล้าสตูดิโอ อาคารสำหรับแสดงผลงาน หรือจัดนิทรรศการนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีใหม่ๆ 3.อาคารปฏิบัติการ Shop A และ Shop B ศูนย์รวบรวมเครื่องจักรและระบบต่างๆ ที่สำคัญในการต่อยอดงานต้นแบบด้วยการผลิตสินค้าทดลองในตลาดได้ โดยศูนย์จัดตั้งอยู่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซอยตรีมิตรถนนพระรามที่ 4 ซึ่งใกล้เคียงกับหน่วยงานสถาบัน เครือข่าย อาทิ สถาบันพลาสติก สถาบันสิ่งทอสถาบันไทย-เยอรมัน สถาบันยานยนต์ สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย นอกจากนี้บริเวณรอบๆ ยังมีหน่วยงานเอกชนที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรมตั้งอยู่ โดยการรวมตัวที่เกิดขึ้นจะช่วยเอื้อประโยชน์และความสะดวกต่อการดำเนินงานในบางประเภทได้อย่างมีนัยสำคัญ ดร.พสุ กล่าวว่า ความพร้อมในการเปิดให้บริการ ในขณะนี้ได้ดำเนินกิจกรรมการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการ SMEs ในการเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ จำนวน 95 ราย ในสาขาหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ 70 ราย (เพิ่มผลิตภาพด้วยหุ่นยนต์) ชิ้นส่วนอากาศยาน 10 ราย (มาตรฐาน AS9100) และเครื่องมือแพทย์ 15 ราย (ต่อยอดนวัตกรรม) ตลอดจนการเชื่อมโยงนักวิจัยและเตรียมการกับ Global Player (AGP และ MEDIANA) จำนวน 6 รายโดยเบื้องต้นคาดว่าศูนย์ฯ และบริการต่าง ๆ จะแล้วเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2560 และคาดว่าน่าจะพร้อมเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการ นักวิจัย และบุคคลทั่วไปเข้ามาใช้บริการได้ในช่วงเดือนสิงหาคมนี้ นอกจากนี้ จากแผนพัฒนาโครงการฯ ในระยะเวลา 5 ปี กสอ.คาดว่าการส่งเสริมจากศูนย์ ITC นั้นจะเป็นส่วนช่วยให้เกิดการพัฒนาทางด้านบุคลากรรองรับการปฏิรูปอุตสาหกรรมศักยภาพได้อย่างน้อยจำนวน 14,000 คน สามารถนำเอาความรู้ไปพัฒนาองค์กรของตนให้เข้าสู่อุตสาหกรรมศักยภาพใหม่ได้ร้อยละ 40 มีการพัฒนาสถานประกอบการได้อย่างน้อย 430 กิจการ สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เป็นระบบ Digital ได้ร้อยละ 80 และสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 1,720 ล้านบาท หรือประมาณ 4 ล้านบาทต่อ กิจการและสามารถพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์นวัตกรรมสู่เชิงพาณิชย์จะเกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 125 ผลิตภัณฑ์ และต่อยอดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจ ได้กว่า 250 ล้านบาท รวมถึงเกิดความร่วมมือในการเข้าไปให้ความช่วยเหลือแก่ผู้รับบริการจากหน่วยงานเครือข่ายต่างๆ ในการสนับสนุนการวิจัย ฯลฯ อย่างไรก็ดี ศูนย์ ITC ยังได้ใช้งบประมาณบางส่วนของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมในปี 2560 ในการเตรียมความพร้อมสถานประกอบการเพื่อการเข้าสู่อุตสาหกรรมใหม่ที่มีศักยภาพ (Pre-Transformation) และเพื่อผลิตชิ้นงานต้นแบบและผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ต่อยอดได้ในทางอุตสาหกรรมภายใต้งบประมาณ 153.4 ล้านบาทไปส่วนหนึ่งแล้ว โดยได้แบ่งใช้ในการพัฒนาในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์และสุขภาพ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอากาศยานและขนส่งระบบราง อุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ อุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมพลาสติกวิศวกรรมและไบโอพลาสติก โดยเบื้องต้นได้เกิดชิ้นงานและตัวอย่างผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาและพร้อมต่อยอดสู่เชิงพาณิชย์แล้ว อาทิ OXYGEN HOOD - อุปกรณ์การให้ออกซิเจนชนิดครอบศีรษะ,Cancer Mask – หน้ากากยึดจับสำหรับผู้ป่ วยมะเร็ง, Spacer-อุปกรณ์ช่วยพ่นยาโรคหอบหืดColostomy Bag - ชุดอุปกรณ์รองรับสิ่งขับถ่ายทวารเทียม, Flat Feet Insole แผ่นรองเท้าสำหรับผู้ป่วยโรคเท้าแบน เป็นต้น สำหรับผู้ประกอบการหรือผู้ที่สนใจรายละเอียด สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักพัฒนาอุตสาหกรรมสนับสนุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ซอยตรีมิตร ถนนพระรามที่ 4 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 02-367-8100 หรือเข้าไปที่ www.dip.go.th https://goo.gl/Ti3uD2
11 ก.ค. 2560
Industry Expo 2017 วันที่ 25 - 30 กรกฎาคม 2560
Industry Expo 2017 วันที่ 25 - 30 กรกฎาคม 2560
Industry Expo 2017 จากความสำเร็จของการจัดงาน Thailand Industry Expo 2016 มหกรรมซื้อของไทย ใช้ของดี ในปีที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่าการจัดงานดังกล่าวเป็นประโยชน์ ทั้งต่อภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รวมทั้งยังเป็นเวทีสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรมในการสื่อสาร และเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และประชาชนผู้สนใจทั่วไป ในปีนี้จึงมีการจัดงาน Thailand Industry Expo ขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ ๔ สำหรับงาน Thailand Industry Expo 2017 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรม ๔.๐ ขับเคลื่อนอนาคตไทย” Thailand Industry 4.0 : Shift Our Future กระทรวงอุตสาหกรรมมีความตั้งใจที่จะต่อยอดและขยายผลความสำเร็จของงานไปสู่ระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในปีนี้จึงจัดให้มีพื้นที่ International Pavilion ขึ้น เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางธุุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยในการพบปะเจรจาการค้า การลงทุนกับคู่ค้าต่างประเทศ งาน Thailand Industry Expo 2017 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 30 กรกฎาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 - 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
03 ก.ค. 2560
คู่มือ การเริ่มต้น ธุรกิจ SMEs โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
คู่มือ การเริ่มต้น ธุรกิจ SMEs โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
หนังสือแนะนำคู่มือ การเริ่มต้น ธุรกิจ SMEsโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หนังสือเล่มนี้รวบรวมเกี่ยวกับแนวทางการบริหารธุรกิจ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การประเมินโอกาสในการทำธุรกิจการบริหารการตลาด การจัดการผลิต การบริหารการเงิน และการบริหารงานบบุคลากรอย่างมืออาชีพตลอดจนถึงการพัฒนาธุรกิจไปสู่การเป็นองค์กรระดับโลก มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าห้องธุรกิจเอง หรือผู้ที่มีธุรกิจอยู่แล้วและต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานวิสาหกิจชุมชน ณ ห้องสมุดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 อุบลราชธานี
03 ก.ค. 2560
 ครม.ไฟเขียวเว้นเก็บภาษีเอสเอ็มอีใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เสริมธุรกิจ
ครม.ไฟเขียวเว้นเก็บภาษีเอสเอ็มอีใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เสริมธุรกิจ
ครม.ไฟเขียวเว้นเก็บภาษีเอสเอ็มอีซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สูงสุด 1 แสนบาท ในรอบระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค. 60 ถึง 31 ธ.ค. 62 ภาครัฐยอมเสีย 800 ล้านแลกจูงใจเอสเอ็มอีใช้โปรแกรมเพิ่มศักยภาพธุรกิจ และเข้าสู่ฐานข้อมูลภาครัฐมากขึ้น เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ออกตามความในประมวลรัษฎากร เพื่อเป็นมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการบริหารจัดการธุรกิจ สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการวนรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 100% ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยได้ซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือได้ใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากผู้ขายหรือผู้รับจ้างที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 1 แสนบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 60 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 62 ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวคาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ประมาณ 800 ล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs มีการนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินกิจการและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งยังทำให้ข้อมูลของผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลภาครัฐมากขึ้น ซึ่งรัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดมาตรการหรือกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านต่างๆ อ้างอิง https://goo.gl/N75Lwy
03 ก.ค. 2560
กสอ.ชี้ตลาด CLMV ขุมทอง ผปก.ไทยยังฮอต โตต่อเนื่อง 9.5% รวม 3 ปีซ้อน
กสอ.ชี้ตลาด CLMV ขุมทอง ผปก.ไทยยังฮอต โตต่อเนื่อง 9.5% รวม 3 ปีซ้อน
นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชี้ตลาด CLMV ยังเติบโตต่อเนื่อง เผยภาคการส่งออกใน 3 ปีล่าสุดขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 9.5% ขณะที่พม่า กัมพูชา และลาว รุกพัฒนาความเป็นเมืองและความทันสมัยของประเทศมากขึ้น ส่งผลอุตสาหกรรมก่อสร้างและสินค้าจากไทยยังเป็นที่ต้องการอย่างสูง พร้อมแนะตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตลาด CLMV ถือได้ว่าเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย โดยมีความสำคัญเทียบเท่ากับประเทศพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มประเทศอาเซียนเดิม (อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์) สำหรับสถานการณ์ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV นั้นถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการส่งออกสินค้าที่มีการขยายตัวในระดับ 7-8% ทุกปี และเมื่อพิจารณาในช่วง 3 ปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ยังพบอีกว่ามีการขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 9.5% (ที่มา : ศูนย์ข้อมูลธนาคารไทยพาณิชย์) ทั้งนี้ จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของปี 2559 ยังชี้ให้เห็นอีกว่าพม่ามีอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 8.5% กัมพูชา 7.2% ลาว 7.5% และเวียดนาม 6.3% (ที่มา : ข้อมูลโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ที่ 4.15, 4.6, 3.9 และ 9.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ (ที่มา : ข้อมูลจาก Trade statistics for international business development) โดยการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ยังทำให้ CLMV ติดอันดับอยู่ในกลุ่ม 15 ประเทศที่จะมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในด้านทรัพยากร เสถียรภาพทางการเมือง ช่องทางการตลาดที่ขยายขึ้น ซึ่งไทยต้องเร่งสร้างความร่วมมือให้ครบทุกมิติเพื่อที่ในอนาคตจะได้ก้าวสู่การเป็นผู้นำในระดับมหภาคต่อไป นายพรเทพกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโอกาสของผู้ประกอบการ SMEs ไทยในการลงทุน ร่วมทุน และขยายสินค้าไปยังกลุ่ม CLMV ในปี 2560 นี้ พบว่าในประเทศพม่าและกัมพูชามีความต้องการอุตสาหกรรมก่อสร้างและสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น สุขภัณฑ์ อุปกรณ์เพื่อการสาธารณูปโภค เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสูง เนื่องจากพม่ากำลังอยู่ในจุดของการพัฒนาและเปิดประเทศ กัมพูชาเริ่มขยายสู่ความเป็นเมือง โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของสิ่งก่อสร้างและศูนย์การค้ารองรับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการการอนุญาตให้ชาวต่างชาติลงทุน 4 ธุรกิจในพม่า ได้แก่ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช ยาฆ่าแมลง และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งโอกาสในการพัฒนาการร่วมค้าและลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรในกัมพูชาที่ขณะนี้ประเทศดังกล่าวกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งไทยเองถือได้ว่ามีความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าวเป็นอย่างดี ขณะที่ สปป.ลาว พบว่าสินค้าอุตสาหกรรมพื้นฐานที่ลาวยังต้องพึ่งพิงจากไทยสูงสุด ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์และส่วนประกอบ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินค้าปศุสัตว์ และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นรวมทั้งกลุ่มธุรกิจประเภทแฟรนไชส์และธุรกิจการบริการก็ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อผู้บริโภคชาวลาวมากขึ้น โดยมาจากการเริ่มผันตัวสู่วิถีชีวิตของการเป็นสังคมเมือง รวมทั้งการเข้ามาของตลาดโมเดิร์นเทรดและช่องทางการค้าออนไลน์ ซึ่งในอนาคตคาดว่าช่องทางเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในกลุ่มดังกล่าวอย่างสูง ส่วนทางด้านประเทศเวียดนาม ถือได้ว่าเป็นทั้งประเทศคู่ค้าและคู่แข่งสำหรับไทย เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันทั้งกลุ่มตลาดส่งออกที่สำคัญเช่นเดียวกัน มีศักยภาพในด้านการเป็นฐานการผลิต โดยเฉพาะการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกสูง แต่อย่างไรก็ตาม แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเวียดนามเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวโดยเฉพาะในเรื่องต้นทุน แต่ไทยเองก็ยังมีความได้เปรียบที่สูงกว่าทั้งในเรื่องคุณภาพของสินค้า กระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารแปรรูป และอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งความสามารถในการเข้าสู่ช่องทางตลาดที่ไทยมีมากกว่า ดังนั้น ไทยต้องสร้างจุดแข็งด้วยความได้เปรียบดังกล่าวเพื่อยกระดับให้สินค้าไทยมีความยากที่จะแข่งขัน พร้อมผลักดันสู่ตลาดระดับบนได้ต่อไป นายพรเทพกล่าวเสริมว่า อีกหนึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจการขยายสินค้าและน่าลงทุนสำหรับผู้ประกอบการไทยในขณะนี้ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ซึ่งในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทย 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งในเขตตะวันออกกลางของไทย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางที่สามารถส่งต่อสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้ ความน่าสนใจของ UAE ยังอยู่ที่รัฐบาลของประเทศดังกล่าวได้พยายามส่งเสริมการค้าการลงทุน รวมทั้งสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจเสรีทั้งในรูปแบบการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต และการใช้ UAE เป็นฐานการกระจายสินค้า สำหรับสินค้า 5 อันดับแรกของปี 2559 ที่ UAE นำเข้าจากไทยมากที่สุด ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์เครื่องจักรกล อัญมณีและเครื่องประดับ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์จากไม้ นอกจากนี้ ตลาดอาหารและเครื่องดื่มใน UAE และตะวันออกกลางยังถือว่าเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ โดยมีปัจจัยส่งเสริมทั้งจากความต้องการอาหารตามมาตรฐานฮาลาลในปริมาณที่สูง ความสามารถในการผลิตอาหารที่อยู่ในระดับต่ำของ UAE และตะวันออกกลาง การใช้จ่ายค่าอาหารต่อหัวที่สูงกว่าไทยถึง 2.4 เท่า การเป็นประเทศที่มีผลผลิตและวัตถุดิบทางการเกษตรในปริมาณต่ำ ตลอดจนการประสบปัญหาน้ำหนักตัวของคนในภูมิภาคที่สูงเกินมาตรฐานที่เป็นช่องทางในการขยายกลุ่มอาหารประเภทฟังก์ชันและอาหารเพื่อสุขภาพไปยังร้านสะดวกซื้อหรือโมเดิร์นเทรดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ อ้างอิง https://goo.gl/1P4KHt
03 ก.ค. 2560
“บ้านคำปุน” เปิดปีละครั้ง...งานนี้ไม่ควรพลาด.
“บ้านคำปุน” เปิดปีละครั้ง...งานนี้ไม่ควรพลาด.
“บ้านคำปุน” เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ถือแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมการทอผ้าไหม ความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ คือ จะเปิดให้เข้าชมแค่ปีละหนึ่งครั้งในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีเท่านั้น บ้านคำปุน อ.วารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี แหล่งผลิตและอนุรักษ์ผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง เปิดบ้านให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง ที่บ้านคำปุนได้สืบสานอนุรักษ์มายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม ผ้าโบราณที่สูงค่า กรรมวิธีการผลิต ผ้าทอพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านคำปุนและงานศิลปด้านอื่นๆ อีกมากมาย ภาพงานนิทรรศการ เปิดบ้านคำปุน ครั้งที่ 18 ประจำปี 2559 https://goo.gl/AmDytR ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมhttps://goo.gl/aw3A32https://goo.gl/hXbTKu
02 ก.ค. 2560
SMEs TALKS กับ ดร.สมชาย หาญหิรัญ (ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) " ขจัดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ "️
SMEs TALKS กับ ดร.สมชาย หาญหิรัญ (ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) " ขจัดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ "️
SMEs TALKS กับ ดร.สมชาย หาญหิรัญ (ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) " ขจัดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ "️
02 ก.ค. 2560
บทเรียนที่ 6.2 เรื่อง จริยธรรมของผู้ประกอบการและกฎหมาย...
บทเรียนที่ 6.2 เรื่อง จริยธรรมของผู้ประกอบการและกฎหมาย...
ชมตัวอย่างบทเรียนที่ 6.2 เรื่อง จริยธรรมของผู้ประกอบการและกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล โดยมีแขกรับเชิญเป็น นักธุรกิจหนุ่มหล่อ และ อดีตนักร้องชื่อดัง คุณ เต้ วิสรัส เจ้าของเพลงฮิต " ที่รักของใครสักคน " มาร่วมสอบถาม และแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับอาจารย์ พิเศษ กรรมการและอดีตรักษาการผู้อำนวยการ อสมท. www.NECLearning.com
30 มิ.ย. 2560
ตัวอย่างการเรียนในบทที่ 6 เรื่อง หลักเศรษฐกิจพอเพียง
ตัวอย่างการเรียนในบทที่ 6 เรื่อง หลักเศรษฐกิจพอเพียง
ตัวอย่างการเรียนในบทที่ 6 เรื่อง หลักเศรษฐกิจพอเพียงและการประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจในยุคดิจิทัล โดย อาจารย์ ดร.ดนัยกิติ์ www.NECLearning.com
28 มิ.ย. 2560
อุตสาหกรรมสาร ก.ค.-ส.ค.60
อุตสาหกรรมสาร ก.ค.-ส.ค.60
เป็นวารสารราย 2 เดือน จัดพิมพ์เผยแพร่ในนามของ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม ดำเนินการจัดพิมพ์มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2500 นับเป็นวารสารของราชการที่พิมพ์เผยแพร่ติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน นับถึงปัจจุบันนี้ วารสารอุตสาหกรรม สารมีอายุก้าวสู่ปีที่ 59 วารสารอุตสาหกรรมสาร ได้รับการพัฒนาเนื้อหาเพื่อให้เป็นสื่อสิ่งพิมพ์ที่รวบรวมความรู้ ด้านอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ ดังนั้น วารสารอุตสาหกรรมสารแต่ละฉบับจึงบรรจุเนื้อหาของอุตสาหกรรม เรื่องใดเรื่องหนึ่งไว้ตั้งแต่ต้นจนจบเล่ม โดยครอบคลุมเนื้อหาเกี่ยวกับสภาวะทั่วไปของอุตสาหกรรมนั้น การผลิต การตลาด รูปแบบผลิตภัณฑ์ เว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม การบริหาร การจัดการ และความสำเร็จของผู้ประกอบการ Download ติดตามวารสารฉบับอื่นๆ ได้ที่https://ipc7.dip.go.th/th/category/e-journal-library/e-journal
27 มิ.ย. 2560