ทุกวันนี้ Wi-Fi ถือว่าเป็นระบบสัญญาณที่มนุษย์ทุกคนแทบจะขาดไปในชีวิตไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น อยู่ที่บ้าน, ที่ทำงาน รวมถึงสถานที่พักต่าง ๆ ล้วนต้องถามหาระบบสัญญาณ Wi-Fi กันแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคต Wi-Fi อาจจะไม่จำเป็นกับผู้คนอีกต่อไปแล้ว เพราะจะมีอย่างอื่นเข้ามาทดแทน Azhar Hussain ซีอีโอของ Hanhaa บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ internet of things (IoT) ให้ความคิดเห็นว่า จุดจบของสัญญาณ Wi-Fi เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว เพราะตนเชื่อว่าการจัดสรรโครงข่ายเล็ก ๆ ให้กับกลุ่มผู้ใช้ในเทศบาล, มหาวิทยาลัย และบริษัท สามารถสร้างเครือข่ายส่วนตัวในระบบ 5G ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้หันมาเชื่อมต่อระบบ IoT แทน Wi-Fi ความคิดเห็นของ Hussain ถือว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งสอดคล้องกับ Zach Supalla ซีอีโอของ Particle บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ IoT ที่กล่าวว่าอุปกรณ์เกินครึ่งของบริษัทเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตมือถือบนคลาวน์มากกว่าสัญญาณ Wi-Fi ซึ่งบริษัทให้เหตุผลว่ามีการเชื่อมต่อที่ง่ายกว่า และสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค การเชื่อมต่อด้วยระบบ Wi-Fi นั้นมีความยุ่งยาก และก่อข้อผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ IoT หลายแบรนด์ เช่น Amazon, Apple และ Google ต่างพัฒนาระบบ IoT ให้มีการใช้งานง่ายขึ้น ทั้งนี้ เมื่อดูการเชื่อมต่อระบบแบบเครือข่ายจะมีข้อดีอยู่ที่ไม่มีความยุ่งยาก แต่จะมีข้อเสียตรงที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูง ที่มา: spectrum, https://www.smartsme.co.th/content/232351

เรียกได้ว่าสินค้าสมัยนี้จะมีฟังก์ชันแบบเดิม ๆ คงไม่ตอบโจทย์กับตลาดอีกต่อไป เพราะสินค้าหนึ่งอย่างต้องทำได้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อสร้างความแตกต่างมากกว่าสินค้าประเภทเดียวกัน ปัจจุบันจะเห็นได้ว่าปัญหาเรื่องมลพิษถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็นให้พูดถึง เนื่องด้วยสภาพอากาศที่ย่ำแย่ แน่นอนว่าย่อมไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพ ล่าสุด Dyson แบรนด์เทคโนโลยีจากสหราชอาณาจักรเปิดตัวหูฟังชื่อว่า Zone ที่นอกจากจะฟังเพลงได้แล้วยังมีเครื่องฟอกอากาศ ซึ่งเหมาะมากกับการสวมใส่เดินในเมืองใหญ่ ลักษณะของหูฟัง Zone จะมีรูปร่างเป็นที่ครอบหู และจมูก-ปาก โดยกระบวนการทำงานจะเชื่อมโยงกันมีระบบดูดอากาศมาทางหูฟัง และปล่อยออกมาทางด้านหน้าของผู้ใช้ ซึ่งภายในอากาศก็จะมีพัดลมเล็ก ๆ ที่ดูดอากาศเข้ามา และกรองเป็นอากาศบริสุทธิ์สูดผ่านจมูก และปาก อีกทั้ง หูฟังยังสามารถตัดเสียงรบกวนได้อีกด้วย ความพิเศษของหูฟัง Zone คือสามารถกรองอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพถึง 99% หลังถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลานานถึง 6 ปี อย่างไรก็ตาม Dyson ยังไม่เปิดเผยราคา รายละเอียด และกำหนดการวางจำหน่ายแต่อย่างใด ที่มา: theverge, https://www.smartsme.co.th/content/246696

เป็นที่ทราบกันดีว่าไปก่อนหน้านี้ว่าบริษัท ทรู คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE และบริษัท โทเทิล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชัน จํากัด (มหาชน) หรือ DTAC ทำการแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ ว่าที่ประชุมของทั้งสองบริษัทอนุมัติการควบกิจการระหว่างกันภายใต้บทบัญญัติของพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน การควบบริษัท และอนุมัติการเข้าทำสัญญาควบรวมกิจการ แน่นอนว่าการควบรวมของผู้ให้บริการสื่อสารรายใหญ่ของประเทศย่อมสร้างความสั่นสะเทือนให้กับวงการโทรคมนาคม และมีการตั้งคำถามตามมาว่าต่อจากนี้ตลาดจะเป็นเช่นไรต่อไป โดยหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจของเรื่องการควบรวมกิจการระหว่าง TRUE กับ DTAC นี้ คือการขยับเข้าไปใกล้กับ AIS ที่ครองตลาดมาอย่างยาวนาน อย่างไรก็ตาม บริษัทแอดวานซ์ไวร์เลส เน็ทเวอร์ค จำกัด(AWN) ซึ่งอยู่ในเครือ AIS ได้ยื่นหนังสือไปยัง กสทช. เพื่อคัดค้านแสดงความไม่เห็นด้วย โดยยกเหตุผลขึ้นมาว่า การควบรวมกิจการระหว่าง TRUE-DTAC ส่งผลกระทบต่อการแข่งขัน และผู้บริโภคอย่างร้ายแรง ขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมายการจัดสรรคลื่นความถี่ และขัดต่อหลักเกณฑ์ประมูลคลื่นความถี่ รวมถึงทำให้ตลาดกระจุกตัว ส่งผลเสียต่อการแข่งขัน เพราะบริษัทที่ควบรวมจะมีอำนาจครอบงำตลาด ทำให้ผู้เล่นหน้าใหม่มีโอกาสเกิดได้น้อย ด้าน กสทช. จะมีการเรียกประชุมคณะกรรมการในวันที่ 7 เม.ย. เพื่อรับทราบหนังสือที่ร้องเรียนมา เพื่อดูรายละเอียดผลกระทบที่เกิดขึ้น และผลเสียจากการควบรวมกิจการในครั้งนี้ เมื่อดูในส่วนของรายได้ พบว่า ในปี 2564 ทรู คอร์ปอเรชั่น มีรายได้รวม 143,655 ล้านบาท ขาดทุน 1,367 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2564 DTAC มีรายได้รวม 81,320 ล้านบาท กำไร 3,356 ล้านบาท สุดท้ายเราต้องมาดูบทสรุปของเรื่องนี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/246745

เรียกได้ว่ากระแสรถยนต์ไฟฟ้ามาแรงแบบฉุดไม่อยู่จริง ๆ โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากจีนที่เริ่มเข้ามาเปิดตลาดในประเทศไทยกันอย่างคึกคัก เมื่อเรามองดูรถยนต์ไฟฟ้าที่เตรียมเข้ามา หรือเข้ามาขายแล้ว พบว่ามีหลายรุ่นที่น่าสนใจอยู่ไม่ใช่น้อย ทั้งในเรื่องของราคา สเปค สมรรถนะต่าง ๆ โดย Hozon Auto คือแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจากประเทศจีนที่เข้ามาทำการตลาดในไทย ซึ่งรถยนต์รุ่น Hozon Neta V กำลังเป็นจับตามองของผู้ใช้อยู่ไม่ใช่น้อย สำหรับรายละเอียดรถยนต์ไฟฟ้า Hozon Neta V ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 95 แรงม้า ทำความเร็วสูงสุด 101 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แบตเตอรี่ความจุ 38.54 kWh ระยะทางขับขี่ 380 กิโลเมตรต่อการชาร์จ อัตราการเร่ง 0-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อยู่ที่ 3.9 วินาที โดยราคาขายอยู่ที่ประมาณ 700,000 บาท อย่างไรก็ตาม หากเข้าร่วมมาตรการอุดหนุนการใช้รถยนต์ EV ของภาครัฐฯ จะทำให้ราคาลดลงเหลือ 579,000 บาท ซึ่งตัวเลขนี้ต้องรอยืนยันอีกครั้ง ซึ่งตอนนี้มีการให้เปิดจองแล้วที่งานมอเตอร์ โชว์ 2022 เมื่อเทียบขนาดของรถยนต์ไฟฟ้า Hozon Neta V จะเทียบเท่ากับรถยนต์ไฟฟ้า ORA Good Cat ของ GMW หากเปรียบเทียบกับรถยนต์เชื้อเพลิงก็จะเป็นรถยนต์ Toyota Yaris, Mazda 2 ที่มา: Thai car inside, hozonauto, AutoFun, https://www.smartsme.co.th/content/246691

อีกหนึ่งเทรนด์ที่ถูกพูดถึงกันอย่างมาก คือรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งหลายคนเริ่มศึกษารายละเอียด เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจวางแผนซื้อในอนาคต สำหรับเรื่องที่ศึกษานั้นมีหลายส่วนด้วยกัน ทั้งในเรื่อง สถานีชาร์จไฟ , การดูแลรักษา, สมรรถนะของเครื่องยนต์ และอีกเรื่องหนึ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งคงหนีไม่พ้นวิธีการทำงานของรถยนต์ไฟฟ้าว่ามีกระบวนการอย่างไร แตกต่างจากรถยนต์แบบเชื้อเพลิงมากน้อยแค่ไหน เรามาหาคำตอบกัน องค์ประกอบหลักการขับเคลื่อน แบตเตอรี่ : พลังงานไฟฟ้าที่ชาร์จเข้ามา จะถูกเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ ซึ่งปัจจุบันนี้แบตเตอรี่ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้าคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ซึ่งเก็บพลังงานไฟฟ้าได้มากและใช้งานได้ทนทานขึ้น อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้า : มีหน้าที่ควบคุมและแปลงกระแสไฟจากพลังงานไฟฟ้ากระแสตรงเป็นพลังงานไฟฟ้ากระแสสลับ เพื่อส่งพลังงานต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า มอเตอร์ไฟฟ้า : ใช้ในการส่งพลังงานที่ได้มาจากตัวแปลงกระแสไฟฟ้าส่งต่อไปยังเพลาเพื่อให้เกิดพลังงานในการขับเคลื่อน รถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% ทำงานอย่างไร 1.Lithium-Ion Battery แบตเตอรี่ลิเธียม ไอออน ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้า ที่รับจากการชาร์จ 2.Inverter อุปกรณ์แปลงกระแสไฟฟ้าทำหน้าที่ควบคุมและแปลงพลังงานไฟฟ้า เพื่อส่งต่อไปยังมอเตอร์ไฟฟ้า 3.Motor มอเตอร์ไฟฟ้า ทำหน้าที่ส่งพลังงานที่ได้รับ จากอุปกรณ์แปลงไฟฟ้า ไปยังเพลาเพื่อให้เกิดการ ขับเคลื่อน ที่มา : Nissan, https://www.smartsme.co.th/content/246802

หากพูดถึง Xiaomi เราจะรู้จักกันดีว่าในเรื่องของแบรนด์สมาร์ทโฟน แต่ต่อไปในอนาคตบริษัทอิเล็กทรอนิกส์จากจีนรายนี้กำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ตลาดรถยนต์ไฟฟ้า โดยเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้วได้จดทะเบียนตั้งชื่อบริษัท “Xiaomi Automotive Co. Ltd.” พร้อมพนักงานจำนวน 300 คน และได้มีการจัดตั้งโรงงานเพื่อรองรับการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ความเคลื่อนไหวล่าสุด Xiaomi ประกาศแผนที่จะผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 4 รุ่นด้วยกัน ที่มาพร้อมความพิเศษใช้เทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติ คาดการณ์ว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2022 นี้ สำหรับโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของ Xiaomi ที่อยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจ-เทคโนโลยีในกรุงปักกิ่งจะผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 150,000-300,000 คันต่อปี โดยรถยนต์รุ่นแรกจะเริ่มผลิตในปี 2024 ที่มา: Environman, iphonemod, https://www.smartsme.co.th/content/246774

ศรีสะเกษ- ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM CENTER 7) จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร "สร้างสุขวัยทำงานในสถานประกอบการ" กิจกรรมศูนย์สุขภาพดีวัยทำงานในสถานประกอบการ Wellness Center โดยมีเครือข่ายหน่วยงานผู้สนับสนุนการสร้างสุขฯ ศูนย์สุขภาพจิตที่ 10 บรรยายให้ความรู้ "วัยทำงานยุคโควิด กาย จิต เป็นสุข สนุกไม่เครียด " พร้อมนำรถโมบายคลายเครียด มาประเมินสุขภาพจิต Biofeedback , โรงพยาบาลศรีสะเกษ 50 ตรวจค่าดรรชนีมวลกาย หลังจากการทำกิจกรรมศูนย์สุขภาพดีวัยทำงานในสถานประกอบการ มีผู้บริหารและพนักงาน โรงงานผลิตเส้นก๋วยเตี๋ยวชุนกี่ เข้าร่วมกิจกรรม (23พฤษภาคม 2565) . เจ้าหน้าที่ร่วมกิจกรรม นางแพงศรี พงษ์เกษม, นายธนเดช ศฤงคารนันท์, นางสาวนราวดี จันทร์จำปา, นางสาวชุติกาดา ภาพสิงห์ และนายจิตติ โสบุญ . #DIPROM #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่7

กระแสรถยนต์ไฟฟ้าได้เข้ามาเป็นเทรนด์อยู่ในความสนใจของชาวไทยมากขึ้น และกลายเป็นอีกทางเลือกหากจะมีการซื้อรถยนต์ครั้งต่อไป เพื่อหลีกเลี่ยงรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ไม่เพียงเท่านั้น รัฐบาลยังออกมาตรการสนับสนุนให้ประชาชนใช้รถยนต์ไฟฟ้าผ่านเงินอุดหนุน จึงทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้าลดลงจากเดิม จนตอนนี้หลายคนเริ่มหันมาค้นหาข้อมูล ศึกษารถยนต์ไฟฟ้าที่ตัวเองสนใจ และตอนนี้มีงาน Motor Show 2022 ที่กำลังจัดขึ้น โดยภายในงานมีการนำรถยนต์ไฟฟ้าจากหลายค่ายทั้งยุโรป จีน ญี่ปุ่น และไทย เข้ามาแสดงให้เห็นกับตายิ่งสร้างความคึกคักจนเป็นกระแสพูดถึงในโลกโซเชียลเข้าไปอีก ในเรื่องนี้บริษัท ไวซ์ไซท์ (ประเทศไทย) จำกัด ทำการเก็บข้อมูลผ่านทางเครื่องมือ ZOCIAL EYE ระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 20 มีนาคม 2565 พบว่ามีการพูดถึงรถยนต์ไฟฟ้ามากถึง 2,962,853 เอ็นเกจเมนต์จากกว่า 4,500 แอคเคาท์ โดยช่องทางอันดับ 1 ที่ใช้สื่อสารมากที่สุด คือ Facebook คิดเป็นร้อยละ 54.88 รองลงมาเป็นเว็บไซต์ข่าว ร้อยละ 20.93, Twitter ร้อยละ 7.65, Youtube ร้อยละ 6.62 และช่องทางอื่น ๆ ร้อยละ 9.92 แบ่งเป็นผู้ชาย ร้อยละ 62.73 และผู้หญิงร้อยละ 37.27 สำหรับแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าที่มีการพูดถึงมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ 1. Tesla 2. Great Wall Motor (ORA Good Cat) 3. Volvo 4. Toyota 5. BMW นอกจากนี้ ยังมีหัวข้ออื่น ๆ ที่ชาวโซเชียลพูดถึงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคุ้มค่า และประสิทธิภาพของรถยนต์ไฟฟ้า คิดเป็น 736,221 เอ็นเกจเมนต์, ความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม คิดเป็น 418,223 เอ็นเกจเมนต์ และนโยบายสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า คิดเป็น 277,035 เอ็นเกจเมนต์ ปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์ไฟฟ้าได้เข้ามาอยู่ในความสนใจของชาวไทยเป็นที่เรียบร้อย ด้วยปัจจัยต่าง ๆ ที่สนับสนุนทำให้ถูกคาดการณ์ว่าจำนวนยอดสั่งจองรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยจะมีอัตราเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ และน่าจะได้เห็นรถยนต์ประเภทนี้บทท้องถนนมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยเช่นกัน ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/246644

กระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังอยู่ในความสนใจของประชาชนชาวไทย รวมถึงผู้ผลิตรถยนต์ที่เริ่มขยับเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อเป็นทางเลือกการใช้งานในช่วงเวลาที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น ล่าสุด ยามาฮ่า มอเตอร์ ประกาศเตรียมเปิดตัวสกู๊ตเตอร์ขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้าชื่อรุ่นว่า Yamaha E01 ที่จะทดสอบในยุโรป, อินโดนีเซีย, มาเลเซีย, ญี่ปุ่น ในช่วงเดือนกรกฎาคม 2022 นี้ สำหรับ Yamaha E01 เป็นสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่มีสมรรถนะการใช้งานเทียบเท่ากับขับเคลื่อนน้ำมันเบนซิน 50-125 cc ซึ่งมีเหมาะสำหรับการขับขี่ในเมือง โดยมุ่งเน้นไปที่โครงสร้าง EV รวมถึงการใช้ยานพาหนะบนท้องถนนร่วมกัน รองรับความต้องการใช้งานรถไฟฟ้าในอนาคต ความพิเศษของ Yamaha E01 มีหลายด้านด้วยกัน ไม่ว่าเป็น มอเตอร์ไฟฟ้าที่ถูกพัฒนา และผลิตโดย Yamaha เพื่อประสิทธิภาพอันทรงพลัง, แบตเตอรี่ที่เมื่อชาร์จเต็มสามารถวิ่งได้ 104 กิโลเมตร พร้อมระบบชาร์จ 3 ระบบ ที่ถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งาน, โมเดลเฉพาะรุ่นที่สะท้อนถึงเทคโนโลยีจากการพัฒนาสปอร์ตไบค์ ทั้งนี้ ยามาฮ่า มอเตอร์ มีแผนเรื่องสิ่งแวดล้อม 2050 ที่ตั้งเป้าจะลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้ารุ่น E01 จะเป็นส่วนช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้น ที่มา: yamaha, https://www.smartsme.co.th/content/246629

อุบลราชธานี (21 พฤษภาคม 2565) - ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM CENTER 7) จัดฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ หลักสูตร "สร้างสุขวัยทำงานในสถานประกอบการ" กิจกรรมศูนย์สุขภาพดีวัยทำงานในสถานประกอบการ Wellness Center โดยมีเครือข่ายหน่วยงานผู้สนับสนุนการสร้างสุขฯ ศูนย์สุขภาพจิตที่ 10 บรรยายให้ความรู้ "วัยทำงานยุคโควิด กาย จิต เป็นสุข สนุกไม่เครียด " พร้อมนำรถโมบายคลายเครียด มาประเมินสุขภาพจิต Biofeedback , โรงพยาบาล 50 พรรษามหาวชิราลงกรณ ตรวจค่าดรรชนีมวลกาย หลังจากการทำกิจกรรมศูนย์สุขภาพดีวัยทำงานในสถานประกอบการ มีผู้บริหารและพนักงาน ห้างหุ้นส่วนจำกัด ศูนย์รถยนต์อุบลเซอร์วิส 1997 เข้าร่วมกิจกรรม . #DIPROM #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่7