หมวดหมู่
แท็ก:
สิงคโปร์ตั้งเป้าเปลี่ยนรถบัสเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2040 ตามแผนลดมลพิษ
สำนักงานขนส่งทางบกสิงคโปร์ (LTA) กำหนดเป้าหมายการปล่อยมลพิษ โดยจะเปลี่ยนรถบัสโดยสารภายในประเทศเป็นรถไฟฟ้าทั้งหมด ภายในปี 2040 สิงคโปร์เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มุ่งหวังที่จะลดมลพิษด้วยการนำเอาพลังงานสะอาดเข้ามาแทนที่ โดย LTA ระบุว่าจะเพิ่มพลังงานไฟฟ้ากับรถโดยสารสาธารณะ และนำเอาพลังงานสะอาดเข้ามาไว้ในโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง นอกจากนี้ ยังมีกระตุ้นนำรถยนต์ EV มาใช้ LTA มุ่งมั่นที่จะใช้รถบัสพลังงานสะอาดแบบ 100% ภายในปี 2040 ซึ่งตอนนี้มีการซื้อรถบัสไฟฟ้าแล้ว 60 คัน เพื่อทดสอบความเข้าใจในการดำเนินงาน และวางแผนนำไปสู่การเปิดตัวที่สเกลใหญ่ขึ้นต่อไป โดยในอนาคตไปจนถึงปี 2030 สิงคโปร์จะซื้อรถบัสไฟฟ้าเป็นหลัก เพื่อทดแทนรถบัสเครื่องดีเซลที่ครบกำหนดอายุขัย และรสบัสเครื่องดีเซลจำนวน 400 คัน จะถูกทดแทนภายในปี 2025 เช่นเดียวกับในส่วนของผู้ให้บริการรถแท็กซี่ที่พร้อมนำรถไฟฟ้าเข้ามาใช้ และแท็กซี่ครึ่งหนึ่งของสิงคโปร์จะเป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2030 และ LTA จะขยายอายุการใช้งานตามกฎหมายของรถแท็กซี่ไฟฟ้าจาก 8 ปี เป็น 10 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่มากพอให้กับผู้ประกอบการลงทุนรถแท็กซี่ไฟฟ้า ที่มา:smartcitiesworld, https://www.smartsme.co.th/content/246550
14 พ.ค. 2565
ขนส่งสหรัฐฯ เริ่มใช้รถตู้พลังงานไฟฟ้า ตั้งเป้าลดมลพิษ 0% ภายในปี 2040
บริษัทขนส่งในสหรัฐฯ เริ่มนำรถตู้ขนส่งพลังงานไฟฟ้าเข้ามาใช้งาน ตั้งเป้าเป็นบริษัทที่ใช้พลังงานสะอาดและปล่อยมลพิษเข้าสู่อากาศเป็น 0% ภายในปี 2040 ปัจจุบันรถยนต์พลังงานไฟฟ้ากำลังถูกนำมาใช้ในหลายบริษัทเพื่อลดต้นทุนการใช้พลังงานในการเดินทางขนส่งและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ล่าสุดบริษัทขนส่งระดับโลกในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่มนำรถตู้ขนส่งพลังงานไฟฟ้าชุดแรก 5 คัน เข้ามาใช้งานในบริษัท จากแผนการเปลี่ยนรถตู้ขนส่งสินค้าเป็นพลังงานไฟฟ้าทั้งหมด 500 คันของบริษัท ตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทที่ใช้พลังงานสะอาดและปล่อยมลพิษเข้าสู่อากาศเป็น 0% ภายในปี 2040 รถตู้ขนส่งพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของบริษัทมีชื่อว่า "BrightDrop EV600" ออกแบบและผลิตโดยบริษัทรถยนต์ชั้นนำในประเทศสหรัฐอเมริกา ทีมงานวิศวกรของบริษัทผู้ผลิตรถตั้งเป้าสร้างฝูงรถตู้ขนส่งพลังงานไฟฟ้าที่เปลี่ยนโฉมการขนส่งสินค้าในประเทศ ก่อนหน้านี้บริษัทได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพของรถตู้ขนส่งพลังงานไฟฟ้ามาได้ระยะหนึ่ง จนผ่านมาตรฐานการคมนาคมขนส่งในประเทศสหรัฐอเมริกา รถตู้ขนส่งพลังงานไฟฟ้าแต่ละคันมีพื้นที่บรรทุกสินค้าประมาณ 600 ลูกบาศก์ฟุต สามารถขับขี่ระยะทางไกลประมาณ 250 ไมล์ หรือประมาณ 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จพลังงานไฟฟ้า 1 ครั้ง ซึ่งเพียงพอสำหรับการขนส่งสินค้าภายในตัวเมืองหรือระหว่างเมือง นอกจากใช้พลังงานไฟฟ้ารถตู้ยังติดตั้งระบบประตูล็อกอัตโนมัติเพื่อป้องกันไม่ให้สินค้าได้รับความเสียหายในระหว่างการเดินทาง รวมไปถึงระบบเบรกฉุกเฉินป้องกันการชนและระบบช่วยจอดอัตโนมัติในพื้นที่จอดรถ ในระยะเริ่มต้นบริษัทจะนำรถตู้พลังงานไฟฟ้ามาให้บริการในรัฐแคลิฟอร์เนียเป็นแห่งแรก ประเทศสหรัฐอเมริกามีความตื่นตัวในด้านการใช้งานรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากที่สุดประเทศหนึ่ง โดยทั้งภาครัฐบาลและเอกชนให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อเป้าหมายการปล่อยมลพิษทางอากาศให้เป็นศูนย์ โดยเฉพาะรัฐแคลิฟอร์เนียที่มีอัตราการเพิ่มขึ้นของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงสุดในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่มา : Thaipbs, https://www.smartsme.co.th/content/246499
13 พ.ค. 2565
ไปที่ไหนต้องเจอ! ไทยตั้งเป้ามีสถานีชาร์จ EV เพิ่ม 567 แห่ง ภายในปี 2030
สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เผยผลการวิเคราะห์ตำแหน่งที่ตั้งและจำนวนเครื่องอัดประจุที่เหมาะสมสำหรับแผนพัฒนาสถานีอัดประจุสาธารณะ วางเป้าหมายในปี 2030 ไทยควรมีสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า 567 แห่ง และเครื่องอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Fast Charge 13,251 เครื่อง ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย เน้นเข้าถึงง่าย ต้นทุนเหมาะสม นอกจากนี้ มีกำหนดเป้าหมายการผลิตและการใช้ ZEV (Zero Emission Vehicle) และกำหนดเป้าหมายการส่งเสริมสถานีอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าสาธารณะแบบ Fast charge จำนวน 12,000 หัวจ่าย และสถานีสับเปลี่ยนแบตเตอรี่สำหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าจำนวน 1,450 สถานี ซึ่งสถานีต้องอยู่ในพื้นที่เหมาะสม มีความต้องการใช้สูงเข้าถึงง่าย รวมถึงมีต้นทุนที่เหมาะสมทั้งในเรื่อง ที่ดิน และค่าไฟฟ้า นอกจากนี้ยังได้ข้อสรุปเรื่องผลการศึกษาตำแหน่งที่ตั้งและจำนวนอัดประจุยานยนต์ไฟฟ้าแบบ Fast Charge ที่เหมาะสม ควรมีสถานีรวมอีก 567 แห่ง จากที่มีอยู่ปัจจุบัน 827 แห่ง รวมเป็น 1,394 แห่ง และมีเครื่องอัดประจุยายนยนต์ไฟฟ้ารวม 13,251 แห่ง แบ่งเป็นพื้นที่ในเมืองใหญ่ 505 แห่ง เครื่องอัดประจุยายนยนต์ไฟฟ้า 8,227 เครื่อง, เขตพื้นที่ทางหลวง (Highway) 62 แห่ง เครื่องอัดประจุยายานยนต์ไฟฟ้า 5,024 เครื่อง อย่างไรก็ตาม สถานีบริการอัดประจุเป็นบริการที่ใช้ต้นทุนสูงจากปัจจัยหลายด้านจึงมีการเสนอแนวทางการสนับสนุนในช่วง 2 ปีแรก คือการอุดหนุนค่าเครื่องอัดประจุ ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/246415
12 พ.ค. 2565
Binance ประกาศพาร์ทเนอร์ YG โยงธุรกิจเข้าสู่โลก NFT
Binance ผู้ให้บริการบล็อกเชน และกระดานเทรดสกุลเงินดิจิทัลชั้นนำของโลก ประกาศลงนามเป็นพาร์ทเนอร์ทางยุทธศาสตร์กับ YG Entertainment บริษัทบันเทิงของเกาหลีใต้ ความร่วมมือที่เกิดขึ้น Binance และ YG จะร่วมมือกันในโปรเจกต์บล็อกเชนต่าง ๆ รวมถึงความร่วมมือในพื้นที่ของ NFT โดย Binance จะจัดหาแพลตฟอร์ม NFT และโครงสร้างเทคโนโลยี ขณะที่ YG จะสนับสนุนเรื่องคอนเทนต์ และเกมมิ่ง ซึ่งทั้งสองบริษัทมีแผนที่จะพัฒนาเกม Binance Smart Chain รวมถึงร่วมมือกันสร้าง Metaverse ตลอดจนโอกาสในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัล คาดการณ์ว่าทั้ง Binance และ YG จะสร้างสรรค์ผลงานโดยดึงจุดเด่นของบริษัทออกมา โดย YG นั้นมีศิลปินดังอยู่ในสังกัดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น BIG BANG, BLACKPINK, WINNER, iKON, AKMU และ TREASURE ซึ่ง YG มีศักยภาพเพียงพอที่จะพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัล รวมถึง NFT จากสินทรัพย์ทางปัญญาที่เข้าถึงธุรกิจได้อย่างหลากหลาย สำหรับ NFT คือหนึ่งในโทเคนดิจิทัลที่ไม่ซ้ำใคร โดยอนุญาตให้ศิลปินแบ่งปันผลงานของตัวเองลงบนแพลตฟอร์ม ซึ่งการเติบโตของ NFT กำลังเดินหน้าไปสู่อุตสาหกรรมเพลง และเคปอป เพื่อให้บริการกับแฟนคลับมากกว่าที่ผ่านมา ต้องมาจับตามองดูว่าการร่วมมือครั้งนี้จะมีโปรเจกต์อะไรออกมาบ้าง บางทีเราอาจจะเห็นภาพวาดของวง Blackpink วางขายอยู่ใน NFT ก็เป็นได้ ที่มา:binance, https://www.smartsme.co.th/content/246301
10 พ.ค. 2565
ญี่ปุ่นพัฒนาทีวี ที่สามารถ “เลียเพื่อรับรสชาติได้” เสมือนออกไปนั่งทานที่ร้านโปรด
ศาสตราจารย์ชาวญี่ปุ่น ได้พัฒนาหน้าจอทีวีต้นแบบที่สามารถเลียได้ซึ่งสามารถเลียนแบบรสชาติอาหารได้ใกล้เคียง นับเป็นอีกก้าวของเทคโนโลยีสมัยใหม่ ในการสร้างประสบการณ์การรับชมที่มาพร้อมลิ้นสัมผัส ซึ่งอุปกรณ์ดังกล่าวเรียกว่า Taste the TV (TTTV) ภายในจะมีถังเก็บรสชาติกว่า 10 แบบหมุนที่พ่นรวมกันเพื่อสร้างรสชาติของอาหารโดยเฉพาะ จากนั้นตัวอย่างรสชาติจะกลิ้งลงบนแผ่นฟิล์มที่ถูกสุขอนามัยบนทีวีจอแบนเพื่อให้ผู้ชมได้ลิ้มลองสัมผัสนี้ “ในยุคโควิด-19 เทคโนโลยีประเภทนี้สามารถเชื่อมความรู้สึกของผู้คนกับโลกภายนอกได้อีกครั้ง ในสถานการณ์ที่หลายประเทศยังคงต้องเข้มงวดต่อมาตรการโรคระบาด เป้าหมายของเราคือการทำให้ผู้คนได้รับประสบการณ์บางอย่างเช่น การรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร ซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของโลก แม้ในขณะที่อยู่ที่บ้าน” โฮเมอิ มิยาชิตะ ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยเมจิ กล่าว มิยาชิตะทำงานร่วมกับทีมนักเรียนประมาณ 30 คนที่ผลิตอุปกรณ์เกี่ยวกับรสชาติที่หลากหลาย รวมถึงส้อมที่ทำให้อาหารมีรสชาติเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยเขาสร้างต้นแบบ TTTV ด้วยตัวเองในปีที่ผ่านมา ทั้งยังมีแพลนจะปล่อยออกมาจะจำหน่าย สนนราคาประมาณ 100,000 เยน (875 ดอลลาร์) ยูกิ ฮวู นักศึกษาวัย 22 ปีจากมหาวิทยาลัยเมจิ ได้สาธิตวิธีการใช้ TTTV ให้กับนักข่าวท้องถิ่นดู โดยเธอได้สั่งการกับหน้าจอว่า “ฉันต้องการชิมรสช็อกโกแลต” หลังจากนั้นเสียงอัตโนมัติจากอุปกรณ์ได้ทวนคำสั่ง และพ่นรสชาติตัวอย่างลงในแผ่นพลาสติกที่ถูกอนามัย ซึ่งหลังจากยูกิได้ชิม เธอบอกว่า “มันมีรสชาติเหมือนกับช็อกโกแลตนม” ที่มา : Reuters, https://www.smartsme.co.th/content/245990
09 พ.ค. 2565
AKG จับมือ ProPlugin เป็นตัวแทนจำหน่ายเพียงเจ้าเดียวในไทย
HARMAN Professional Solutions บริษัทในเครือ Samsung Electronic และเป็นเจ้าของแบรนด์ดังด้าน Audio ที่คนไทยรู้จักกันดี เช่น JBL, Harman Kardon, AKG และอื่นๆ อีกมากมาย ล่าสุด HARMAN Professional Solutions ได้แต่งตั้งให้ ProPlugin เป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ AKG Professional ในประเทศไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ Amar Subash รองประธาน Harman Professional Solutions และผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ด้านระบบเสียงระดับมืออาชีพ โดยเฉพาะหูฟังและไมโครโฟน และด้วยความน่าเชื่อถือ รวมถึงความเป็นมืออาชีพของ ProPlugin ซึ่งเป็นศูนย์รวมอุปกรณ์ เครื่องเสียง บันทึกเสียง ดีเจ หูฟัง และ เครื่องดนตรี ที่ครบวงจรที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศ รวมไปถึงการเป็น Distributor แบรนด์ชั้นนำทั่วโลกอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Focusrite, Mackie, KRK, Native Instruments, Tascam รวมไปถึง Universal Audio และ แบรนด์อื่นๆ อีกมากมายกว่า 38 แบรนด์มาอย่างยาวนาน จึงเชื่อมั่นจนเกิดความร่วมมือระหว่างกัน ด้านนายไตรเทพ ศรีกาลรา CEO ProPlugin เปิดเผยว่า HARMAN Professional Solutions เป็นที่ยอมรับด้านเทคโนโลยีที่เหนือกว่าและคุณภาพระดับโลก โดยทาง ProPlugin เข้าใจถึงความต้องการของลูกค้าในประเทศไทยเป็นอย่างดี และรู้สึกตื่นเต้นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ AKG Professional ให้กับลูกค้าเพื่อยกระดับประสบการณ์ด้าน Audio ของพวกเขา ทั้งนี้ แบรนด์ AKG เป็นแบรนด์ระดับตำนานจากประเทศออสเตรีย มีผลิตภัณฑ์ด้านเสียงและเป็นที่รู้จักในแวดวงคนดนตรีมาอย่างยาวนาน ล่าสุด ได้ขยายกลุ่มเป้าหมายเพิ่มมากขึ้น ด้วยการส่งรุ่น AKG LYRA USB Microphone เอาใจเหล่าครีเอเตอร์และกลุ่มผู้บริหาร ด้วยรูปทรงที่สวยงาม ใช้งานได้สะดวก ความละเอียดสูง โดยสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย ทั้งบันทึกเสียง จัด Podcast ประชุมทีมทุกที่ได้ง่ายๆ ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/244546
08 พ.ค. 2565
Facebook ขยายเวลาให้พนักงานทำงานแบบ Work Form Home ยาวถึงครึ่งปี 2022
Facebook เตรียมที่จะให้พนักงานทำงานจากระยะไกลต่อไป อย่างน้อยถึงครึ่งปีหน้า หลังบริษัทยังไม่ค่อยไว้วางใจสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook กล่าวกับพนักงานว่าตนมีแผนจะให้ทุกคนทำงานแบบ Work Form Home ไปอย่างน้อยถึงครึ่งปี 2022 การทำงานนอกสถานที่ทำให้ตนมีพื้นที่สำหรับการคิดมากขึ้น และช่วยให้มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากยิ่งขึ้น มีความสุขที่จะสร้างสรรค์ผลงานออกมา “พนักงานครึ่งหนึ่งจากทั้งหมด 60,000 จะทำงานไปถึงครึ่งปีหน้า” Mark Zuckerberg กล่าว อย่างไรก็ตาม Facebook อนุญาตให้พนักงานทุกระดับสามารถทำงานจากระยะไกลได้ เช่นเดียวกับพนักงานที่ต้องการกลับมาทำงานที่ออฟฟิศก็สามารถทำได้ โดยขึ้นอยู่กับความสะดวกของแต่ละบุคคล นอกจากนี้ Facebook ยังเปิดโอกาสให้กับพนักงานที่มีศักยภาพต้องการทำงานระยะไกลข้ามพรมแดนสามารถย้ายจากสหรัฐฯ ไปยังแคนาดา หรือทุกที่ในยุโรป หรือตะวันออกกลาง ไปยังสหราชอาณาจักร ซึ่ง Zuckerberg คาดการณ์ว่าพนักงาน Facebook อย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะทำงานระยะไกลอย่างสมบูรณ์แบบในอีก 10 ปีข้างหน้า ขณะที่ธุรกิจเทคโนโลยีอื่น ๆ พบว่ามีหลายบริษัทวางแผนรูปแบบการทำงานให้พนักงานได้เลือก ไม่ว่าจะเป็น Amazon ที่แจ้งพนักงานให้เข้ามาออฟฟิศ 3 วัน/สัปดาห์, Twitter ให้พนักงานเลือกที่จะทำงานระยะไกล หากบทบาทของพวกเขาเอื้ออำนวย, Google เสนอทางเลือกให้พนักงานระหว่างทำงานระยะไกลแบบถาวร, กลับมาทำงานที่ออฟฟิศ หรือย้ายที่ตั้งสำนักงานในเดือนกันยายนปีนี้, Apple และ Uber ปรับนโยบายให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศอย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ เริ่มเดือนกันยายน ที่มา: https://edition.cnn.com/2021/06/09/tech/zuckerberg-facebook-remote-work-memo/index.html https://www.bbc.com/news/technology-57425636 https://www.smartsme.co.th/content/244380
07 พ.ค. 2565
จีนทำสำเร็จสร้างเรือเลี้ยงปลาอัจฉริยะลำแรกของโลก คาดให้ผลผลิตปลาคุณภาพดี 3,700 ตันต่อปี
เรือเพาะเลี้ยงปลาอัจฉริยะขนาด 100,000 ตัน ลำแรกของจีนถูกสร้างเสร็จหลังใช้เวลาเกือบ 400 วัน และประกาศเปิดตัวในเมืองทางตะวันออกของชิงเต่า ตามรายงานของ China Science Daily ระบุว่าเรือดังกล่าวถูกเรียกว่า Conson No 1 มีขนาดความยาว 249.9 เมตร และกว้าง 45 เมตร โดยถูกออกแบบมาเพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำโดยเฉพาะ สามารถระบายน้ำได้ 130,000 ตัน เลี้ยงปลาได้ 15 กระชัง พร้อมทั้งมีพื้นที่เลี้ยงปลาเชิงพาณิชย์ระดับไฮเอนด์ ปริมาณ 80,000 ลูกบาศก์เมตร และคาดการณ์ว่าจะให้ผลผลิต 3,700 ตันต่อปี นอกจากนี้ ความหนาแน่นของการผสมพันธุ์ปลาในถังสูงกว่าการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำแบบดั้งเดิมถึง 4-6 เท่า และวงจรการแพร่พันธุ์สั้นลงมากกว่า 1 ใน 4 การก่อสร้างเรือเริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2020 โดย Qingdao Conson Development Group ซึ่งเป็นบริษัทลงทุนในโครงการก่อสร้าง และได้รับการพัฒนาร่วมกันกับบริษัทต่อเรือรายใหญ่ของจีน และสถาบันวิจัย ด้าน Chen Zhixin หัวหน้านักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยเครื่องจักรและเครื่องมือประมงภายใต้สถาบันวิทยาศาสตร์การประมงของจีน กล่าวว่าการว่าจ้างเรือจะช่วยผลักดันพื้นที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจากทะเลน้ำลึก โดยใช้แหล่งน้ำทะเลคุณภาพสูงในการเพาะพันธุ์ “เราสามารถมีแหล่งโปรตีนจากทะเลที่ให้คุณค่าทางโภชนาการ และสร้างเป็นอาหารเสริมที่สำคัญ” Chen Zhixin d]jk; ที่มา: chinadaily, Xinhua, www.smartsme.co.th/content/247077
06 พ.ค. 2565
ผู้นำอินโดฯ พูดคุยกับอีลอน มัสก์ เปิดทางเข้ามาลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า-ทรัพยากรธรรมชาติ
กลายเป็นภาพที่ถูกพูดถึงผ่านสื่อสังคมออนไลน์เมื่อ โจโก วีโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย ได้นั่งพูดคุยกับ อีลอน มัสก์ นักธุรกิจชื่อดังเจ้าของ Tesla จนเกิดการตีความตามมาว่าจะเกิดดีลสำคัญขึ้นในอนาคตหรือไม่ การพบกันของทั้งสองคนเกิดขึ้นหลังการอภิปรายระดับงานเกี่ยวกับการลงทุนที่มีศักยภาพในอุตสาหกรรมนิกเกิลของอินโดนีเซีย และการจัดหาแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า สอดคล้องกับเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวแทนจาก Tesla ในอินโดนีเซีย ได้มีการพูดคุยถึงศักยภาพการลงทุนเกี่ยวกับแบตเตอรี่ ซึ่งเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่เรื่องนี้ยังไม่มีคำเสนอแนะออกมาจากฝั่ง Tesla แต่อย่างใด ในช่วงที่ผ่านมา อินโดนีเซียพยายามเจรจากับ Tesla เกี่ยวกับการลงทุนแบตเตอรี่ และศักยภาพของบริษัท SpaceX อีกหนึ่งธุรกิจของมัสก์ ด้านโจโก วีโดโด เดินทางไปยังสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนกับโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยการพบกับมัสก์เกิดขึ้นที่ไซต์เปิดตัว SpaceX ใน Boca Chica,Texas และได้มีคำเชิญมหาเศรษฐีรายนี้เดินทางมาอินโดนีเซียในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งวีโดโดจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดเศรษฐกิจขนาดใหญ่ G20 ที่บาหลี อินโดนีเซียยังมีที่ว่างให้กับมัสก์กับการเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในหลาย ๆ ด้าน เพราะอินโดนีเซียมีศักยภาพมากมาย ทั้งในเรื่องของนิกเกลสำรองที่ใหญ่สุดของโลก และวีโดโดมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาอุตสาหกรรม EV ที่ใช้นิกเกิลผลิตส่วนประกอบแบตเตอรี่ และประกอบรถยนต์ไฟฟ้า โดยที่ผ่านมาวีโดโดเรียกร้องให้มัสก์พิจารณาเข้ามาลงทุนในอินโดนีเซีย ข้อเสนอในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมานำมาสู่โมเมนตัมใหม่ที่ทำให้วีโดโดผลักดันพัฒนาอุตสาหกรรม EV ในช่วงเวลาที่ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกกำลังดิ้นรนเพื่อจัดหาวัสดุผลิตแบตเตอรี่ และการพึ่งพาจากจีน โดย LG Energy ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ EV อันดับ 2 ของโลก ประกาศแผนลงทุน 9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอินโดนีเซีย เมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยส่วนหนึ่งของข้อตกลงรวมทุกอย่างตั้งแต่การกลั่นนิกเกิลไปจนถึงการผลิตเซลล์แบตเตอรี่ในอินโดนีเซีย ที่มา: FB Joko Widodo, businesstoday, https://www.smartsme.co.th/content/247004
05 พ.ค. 2565
พนักงาน Apple เลือกลาออกแทนที่จะกลับไปทำงานที่ออฟฟิศ เพราะมองว่าทำให้สูญเสียความปลอดภัย
เป็นที่ทราบกันดีว่าการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ทำให้หลายบริษัทเลือกที่จะ Work Form Home เพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ และสร้างความปลอดภัยให้กับพนักงาน อย่างไรก็ตาม ด้วยสถานการณ์ที่ทุกอย่างต้องเดินต่อไปทำให้ตอนนี้บริษัทต่าง ๆ เริ่มให้พนักงานกลับมาทำงานที่ออฟฟิศ เช่นเดียวกับ Apple บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เริ่มให้พนักงานกลับมาทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์ แต่การกลับมาครั้งนี้กลับพบเรื่องราวที่ไม่เหมือนเดิมเมื่อพบการลาออกของพนักงานเพิ่มมากขึ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นจากอะไรเรามาหาคำตอบกัน กลุ่มพนักงานระดับสูงของ Apple เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกถึงบริษัทเรื่องประกาศลาออกในเดือนเมษายน หลังรู้ว่าพวกเขาต้องกลับมาทำงานที่ออฟฟิศอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์ โดยหนึ่งในคนที่ยื่นใบลาออก คือ Ian Goodfellow ผู้อำนวยการด้านการเรียนรู้ ที่ตัดสินใจบอกลา Apple เหตุผลที่ทำให้พวกเขาเหล่านี้ขอลาออก เพราะไม่เห็นด้วยที่ต้องถูกบังคับให้กลับมาทำงานที่ออฟฟิศ เนื่องจากมีความกังวลในเรื่องความปลอดภัย, สุขภาพกาย, สุขภาพจิต และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากนี้ ยังมีประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับรูปแบบการทำงานที่เปลี่ยนแปลงไป โดยมองว่าการทำงานจากออฟฟิศจะเป็นเรื่องที่ล้าสมัยไปแล้ว หลังการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ที่ทุกอย่างมีความเชื่อมโยงกันไปหมด Goodfellow เขียนบันทึกถึงเจ้าหน้าที่ว่า ตนเชื่ออย่างยิ่งว่าความยืดหยุ่นที่มากขึ้นจะเป็นนโยบายที่ดีสำหรับทีม การที่ทุกคนได้ทำงานจากระยะไกลมันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า ซึ่งบันทึกฉบับนี้เป็นข้อเรียกร้องของ Goodfellow ที่ได้รับลายเซ็นยืนยันจากพนักงานมากกว่า 1,000 คน แต่ไม่ได้มีการระบุว่าเป็นพนักงานปัจจุบัน หรืออดีตของบริษัท อาจจะกล่าวได้ว่าการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีกลายเป็นเรื่องที่ยุ่งยาก เพราะราคาที่พักอาศัยในซิลิคอนวัลเลย์พุ่งสูงขึ้น, ผลกระทบจากเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น และการขาดการเข้าถึงการรักษาพยาบาล และนโยบายความเป็นส่วนตัวต่อการเติบโตขึ้นในรัฐฯ ที่มีศูนย์กลางเทคโนโลยีตั้งอยู่ รวมถึงปัญหาในเรื่องของแรงงานที่หมดไฟกับการทำงาน ที่มา: https://futurism.com/the-byte/apple-workers-quit-dont-return-office-pandemic https://www.smartsme.co.th/content/247002
04 พ.ค. 2565