สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (CAS) รายงานว่า คณะนักวิจัยชาวจีนได้พัฒนาอนุภาคนาโนตรวจจับมะเร็งที่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ซึ่งกลายมาเป็นวิธีใหม่ในการรักษาเนื้องอกที่มีแนวโน้มสำเร็จผล ทีมวิจัยร่วมของสถาบันได้พัฒนาอนุภาคนาโนตรวจจับมะเร็ง ซึ่งผสมผสานระหว่างการทำให้ก้อนเนื้อมะเร็งขาดเลือดไปหล่อเลี้ยงกับการใช้ยาเคมีบาบัด การแสวงหาวิธีรักษาภาวะลิ่มเลือดอุดหลอดเลือดที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นมานานแล้วสำหรับนักวิจัย โดยการใช้ยาทำให้เลือดบริเวณหลอดเลือดที่เชื่อมกับเนื้องอกนั้นแข็งตัว ไม่ประสบผลสำเร็จในการกำจัดเนื้องอกระยะยาวแต่อย่างใด อนุภาคนาโนที่ทีมพัฒนามีรูปแบบเป็นหุ่นยนต์นาโนพันธุกรรม (DNA nanorobot) ที่สามารถส่งทรอมบิน (เอนไซม์ในพลาสมาที่ทำให้เลือดแข็งตัว) ไปยังผนังหลอดเลือดและเนื้อเยื่อที่เป็นส่วนประกอบของเนื้องอกได้อย่างตรงจุด ซึ่งจะทำให้เนื้องอกดังกล่าวเข้าสู่ภาวะ “อดตาย” ในที่สุด ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่าการควบคุมปริมาณความเป็นพิษต่อเซลล์และโปรตีเอส (เอนไซม์ที่ช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว) โดยใช้อนุภาคนาโนดังกล่าวกระตุ้นให้มะเร็งขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง เป็นกลยุทธ์ที่มีแนวโน้มสำเร็จผล ทั้งยังถูกบันทึกไว้ในดัชนีการรักษาเนื้องอกด้วยการทำให้เลือดแข็งตัวเป็นพื้นฐานฉบับปรับปรุงใหม่ ผลการศึกษาดังกล่าวได้รับการเผยแพร่ทางออนไลน์โดยวารสารวิศวกรรมชีวการแพทย์ธรรมชาติ ที่มา : https://www.xinhuathai.com/china/118273_20200628 https://www.smartsme.co.th/content/238908

CIMB THAI เปิดตัว ‘บริการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชี ออมทรัพย์ ชิลดี ที่ 7-Eleven’ จัดเต็มด้วยดอกเบี้ยสูงสุด 2% ต่อปี แรงสุดในตลาดตอนนี้ ตัน คีท จิน รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธุรกิจรายย่อย ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย และวีรเดช อัครผลพานิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด เปิดตัวบริการยืนยันตัวตนเพื่อเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ชิลดี ซีไอเอ็มบี ไทย ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้าน 7-Eleven บัญชีออมทรัพย์ที่ตอบสนองครบทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่ โดยผู้ใช้บริการจะได้รับทั้งความคุ้มค่าสูงสุดและความสะดวกสบายไปพร้อม ๆ กัน ด้วยข้อเสนอทั้งอัตราดอกเบี้ยที่ให้สูงสุดถึง 2% ต่อปี ฟรี ค่าธรรมเนียมบัตรเดบิตทั้งแรกเข้าและรายปีตลอดชีพแบบไม่มีเงื่อนไข กดเงินได้ทุกตู้ทุกธนาคารทั่วไทยไม่จำกัดจำนวนครั้ง ฟรีค่าธรรมเนียมความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงสกุลเงิน 2.5% ทั่วโลก นอกจากนั้นยังเพิ่มความสะดวกสบายในการเปิดบัญชีที่ไม่ต้องพึ่งสาขาของธนาคารอีกต่อไป เพียงดาวน์โหลดแอป CIMB THAI Digital Banking แล้วทำตามขั้นตอนเปิดบัญชีภายในแอป ลูกค้าสามารถไปยืนยันตัวตนที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสใน 7-Eleven กว่า 12,500 สาขาทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย 02 626-7777 หรือ www.cimbthai.com ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/239745

แอปพลิเคชันเรียกรถ ยังมีความต้องการของผู้คน และมีโอกาสเติบโตได้อีกในประเทศไทย โดยที่ผ่านมาเราจะเห็นผู้ให้บริการหน้าเดิมที่อยู่ในตลาดมาก่อนหน้านี้ ไม่ว่าจะเป็น Lineman, Grab แต่ล่าสุดมีแอปพลิเคชันหน้าใหม่อย่าง Bolt ที่มาจากประเทศเอสโตเนียขอท้าชนเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้กับลูกค้าในประเทศไทย Bolt เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการขนส่งในประเทศเอสโตเนีย โดยก่อตั้งในปี 2013 ปัจจุบันมีการขยายบริการออกไป 35 ประเทศทั่วโลก และมีผู้ใช้งานกว่า 30 ล้านราย โดย Bolt เปิดให้บริการในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้วในพื้นที่กรุงเทพฯ และสมุทรปราการ ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกนี้ จะชูจุดเด่นเหนือกว่าคู่ด้วยการมอบส่วนลดค่าโดยสารที่ต่ำกว่าคู่แข่งในตลาด 20% สำหรับบริการเรียกรถยนต์ของ Bolt จะมี 5 รูปแบบ ได้แก่ แบบมาตรฐาน แบบประหยัด แบบสบาย แบบคันใหญ่ และแท็กซี่ โดยผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน Bolt ผ่านทาง App Store และ Google Play ด้าน ผู้สนใจอยากขับรถผ่านแอปพลิเคชัน Bolt ก็สามารถเข้าไปลงทะบียนผ่านทาง https://partners.bolt.eu/driver-signup ซึ่งมีโปรโมชันพิเศษตอนนี้ คือยกเว้นการเก็บค่าคอมมิชชั่นเป็นระยะเวลา 6 เดือน สุดท้ายนี้ต้องมาดูกันต่อไปว่า Bolt จะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยจากคู่แข่งเจ้าอื่น ๆ ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายไม่ใช่น้อยกับการเสนอบริการเรียกรถยนต์เพียงอย่างเดียว หากเทียบกับคู่แข่งเดียวกันที่มีบริการหลากหลาย ที่มา : https://www.smartsme.co.th/content/239784

ตามรายงานของ Financial Times ระบุว่า Microsoft เตรียมเจรจาเพิ่มเติมกับ ByteDance เพื่อขอซื้อกิจการ TikTok ในทุกประเทศทั่วโลก Microsoft กลายเป็นบริษัทตัวเต็งที่จะซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ รวมถึงประเทศอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น แคนาดา, ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ โดยไม่ได้ระบุว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้มีมูลค่าเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม รายงานของสำนักข่าว Reuters เผยว่า ByteDance ประเมินราคาของ TikTok มากกว่า 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งทาง Microsoft ยังไม่ได้มีการตอบสนองต่อมูลค่าดังกล่าว ณ ตอนนี้ รายงานของ Financial Times เปิดเผยอีกว่า Microsoft เห็นว่าการดำเนินการเข้าซื้อกิจการของ TikTok มีเพียงแค่ 4 ประเทศเท่านั้น ซึ่งจะเกิดปัญหาตามมากับผู้ใช้หากเดินทางไปประเทศอื่น ๆ ที่มีเจ้าของเป็น ByteDance รวมถึงการพัฒนาแอปพลิเคชันอาจจะไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ Microsoft จะเปลี่ยนแปลงข้อเสนอใหม่เป็นการซื้อกิจการ TikTok ทั่วโลกที่ให้บริการ ขณะที่ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ขีดเส้นตายให้กับ TikTok ว่าการเจรจาขายกิจการในสหรัฐฯ ต้องจบลงก่อนวันที่ 15 กันยายน ซึ่งหากไม่สำเร็จ TikTok จะถูกแบนทันที ทั้งนี้ เรื่องที่ Microsoft จะเปลี่ยนข้อเสนอเป็นการ TikTok ทั่วโลกนั้น ยังไม่มีการเปิดเผยออกมาจากทั้งสองฝั่งแต่อย่างใด ที่มา: reuters, Financial Times, https://www.smartsme.co.th/content/239926

Apple บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่กลายเป็นบริษัทรายแรกของโลกที่มีมูลค่าทะลุ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 62 ล้านล้านบาท) ราคาหุ้นของ Apple มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดราคาหุ้นของ Apple ปรับตัวขึ้นเป็น 467 ดอลลาร์สหรัฐฯ หากมีการเปรียบเทียบกับต้นปี พบว่าหุ้นของ Apple เติบโต 60% และราคาเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 120% ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก ย้อนกลับไปเมื่อ 2 สิงหาคม 2018 Apple กลายเป็นบริษัทแรกของโลกที่มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากนั้นก็มีบริษัทเทคโนโลยีรายอื่น ๆ ตามมา ไม่ว่าจะเป็น Amazon, Microsoft และ Alphabet นอกจากนี้ Wall Street คาดการณ์ว่าอีกไม่นานบริษัทผู้ผลิต iPhone รายนี้จะก้าวเป็นบริษัทแรกที่มีมูลค่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในอีกไม่ช้า ก่อนที่จะมาถึงวันนี้ได้เราเห็นการเติบโตของ Apple มาโดยตลอด ดูจากเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา Apple ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทมหาชนที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกแซงหน้า Saudi Aramco บริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่ของซาอุดิอาระเบีย ทั้งนี้ มูลค่าของ Apple 2ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น 10% ของ GDP สหรัฐฯ และคิดเป็น 7% ของตลาดหุ้น S&P 500 ที่มา: CNBC, nbcnews, https://www.smartsme.co.th/content/240235

Ant Group บริษัทในเครือของ Alibaba เผยผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2020 ก่อนเตรียมเข้าระดมทุน IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ พบบริษัทเติบโตกว่า 1,000% ผลประกอบการของ Ant Group บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านฟินเทค ซึ่งบริหารงานโดย Jack Ma ทำรายได้รวมในครึ่งปีแรกของปี 2020 อยู่ที่ 72.5 พันล้านหยวน และมีกำไรสุทธิ 21.9 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้น 1,050% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันกับปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.9 พันล้านหยวน Ant Group มีแผนที่จะเข้าระดมทุน IPO ในตลาดหุ้นฮ่องกง และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งบริษัทยังไม่มีการเปิดเผยราคาหุ้นว่าจะขายในราคาเท่าไหร่ แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ามูลค่าการระดมอาจจะสูงถึง 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับ Ant Group ดำเนินธุรกิจชำระเงินออนไลน์ Airpay ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันที่ได้รับความนิยมอย่างมากในประเทศจีน โดยมีผู้ใช้งานมากกว่า 1,000 ล้านคนต่อปี มีการทำธุรกรรมรวมกว่า 118 ล้านล้านหยวน ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิ.ย.2020) นอกจากนี้บริษัทยังมีบริการอื่น ๆ อีก ไม่ว่าจะเป็น การบริหารจัดการ, สินเชื่อธุรกิจ และประกัน ที่มา: CNBC, https://www.smartsme.co.th/content/240391

ห้ามพลาด วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2565 นี้ เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป • พบกับพวกเรา DIPROM CENTER 7 และ #ต้มจั๊บอุบล >> https://m.facebook.com/events/3178581032463184 • เปย์ไม่ยั้ง ปังไม่หยุด ฉุดไม่อยู่ ต้มจั๊บอุบล... ขนทัพมาแจ๊กกกกกกกก... ก๋วยจั๊บญวนสำเร็จรูป... เส้นสด รสเข้มข้น ต้นตำรับอุบลแท้ๆ • #กติการ่วมสนุกง่ายๆ เพียงกดไลน์ กดแชร์ รับสิทธิ์ลุ้นเสื้อ #DIProm จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 450 บาท (ยิ่งแชร์มาก ยิ่งมีสิทธิ์มาก) แจกบัตรสตาร์บัค จำนวน 4 รางวัล และรางวัลอื่นๆ อีกมาย • น้ำมันขึ้น ทองขึ้น แต่#ต้มจั๊บอุบล ไม่ขึ้น ราคาเพียง ห่อละ 35 บาท : 3 ห่อ 100 บาท • Promotion ซื้อ 3 ห่อ แถมฟรี 1 (ถ้วยต้มจั๊บ) ซื้อครบ 500 บาท แถมก๋วยจั๊บเส้นแห้งอีก 2 ห่อฟรี (โปรดีๆ เฉพาะไลน์นี้เท่านั้น) ค่าส่งเหมาๆ 30 บาท • สนใจ สั่งซื้อได้ที่ Line คลิกลิ้งค์ >> https://line.me/ti/p/Enn2mVIcoQ สอบถามเพิ่มเติม Facebook page คลิกลิ้งค์ >> https://www.facebook.com/tumjububon/ • • • #ต้มจั๊บอุบล #tumjububon #ก๋วยจั๊บญวนสำเร็จรูป #ก๋วยจั๊บเส้นสด #อร่อยเหมือนมาทานที่อุบล #อร่อยซ้ำไม่ต้องจำสูตร #สาวญวนขายก๋วยจั๊บ

ช่วงเวลาที่ผ่านมาการทำงานแบบ Work Form Home กลายเป็นทางเลือกของหลายองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แม้ใครต่อใครจะมองว่าการทำงานลักษณะนี้จะเป็นเทรนด์ต่อไปในอนาคตที่พนักงานไม่ต้องเดินทางมาออฟฟิศ อาศัยการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีแทน อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ไม่ได้สื่อสารแบบเห็นหน้ากัน บางครั้งก็อาจสร้างผลกระทบกับงานที่ต้องร่วมมือกัน และสุดท้ายผลลัพธ์ออกมาไม่มีประสิทธิภาพ ซึ่งในเรื่องนี้ผู้ที่จะกล่าวถึงปัญหานี้ได้ดีที่สุดคงหนีไม่พ้น Reed Hastings ผู้ก่อตั้ง Netflix แพลตฟอร์มด้านความบันเทิง ที่มองว่าการทำงานแบบ Work Form Home ไม่เป็นผลดีกับองค์กร และถกเถียงกันในเรื่องไอเดียเป็นไปอย่างยากลำบาก Netflix มีพนักงานอีก 8,600 คน ที่ยังไม่ได้กลับมาทำงานในออฟฟิศ จนกว่าจะได้รับการฉีดวัคซีนป้องไวรัสโควิด-19 โดย Reed Hastings ให้สัมภาษณ์กับ The Wall Street Journal ว่าตนไม่เห็นประโยชน์ใด ๆ จากการให้พนักงานทำงานจากที่บ้าน การที่ไม่สามารถทำงานร่วมกันถือเป็นผลลบจริง ๆ แต่ตนก็รู้สึกประทับใจในการเสียสละของผู้คนเหล่านี้ “ผมหวังว่าในช่วงเดือนกันยายน-ตุลาคม เราจะได้รับการผ่อนคลายให้กับมาทำงานร่วมกันมากขึ้น” ทั้งนี้ มีบริษัทเทคโนโลยีหลายรายที่ให้พนักงานทำงานแบบ Work Form Home ไม่ว่าจะเป็น Twitter ที่อนุญาตให้พนักงานทำงานจากที่บ้านแบบถาวร เช่นเดียว Fujitsu ที่มีแผนให้พนักงานทำงานจากที่บ้านแบบถาวรเหมือนกัน ส่วน Facebook และ Google ให้พนักงานทำงานที่บ้านไปอย่างน้อยถึงสิ้นปี 2020 ที่มา: bbc, https://www.smartsme.co.th/content/240715

มีรายงานออกมาว่า Oracle กลายเป็นผู้ชนะประมูลปิดดีลเข้าซื้อกิจการของ TikTok ในสหรัฐฯ ซึ่งได้สิทธิ์ในการบริหารคลาวด์จัดเก็บข้อมูล แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดออกมาแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม รายงานของ The Wall Street Journal กล่าวว่า TikTok เลือก Oracle เป็นพาร์ทเนอร์ทางเทคโนโลยี ซึ่งหมายความว่าจะไม่ได้เป็นการขายกิจการ แต่มีความร่วมมือในลักษณะสนับสนุนระบบคลาวด์สำหรับลูกค้าในสหรัฐฯ ย้อนกลับไปไม่นาน ByteDance เจ้าของ TikTok ออกมาปฏิเสธข้อเสนอของ Microsoft ที่จะเข้าซื้อกิจการในสหรัฐฯ, ออสเตรเลีย, แคนาดา และนิวซีแลนด์ โดยเป็น Oracle ที่เป็นฝ่ายชนะการประมูลเข้าร่วมเป็นพาร์ทเนอร์ของ TikTok แทน TikTok แพลตฟอร์มวิดีโอต้องพบอุปสรรคในการดำเนินกิจการในสหรัฐฯ หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นแอปพลิเคชันที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ รวมถึงถูกกดดันจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี เซ็นคำสั่งเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2020 ห้าม ByteDance ทำธุรกิจ พร้อมทั้งเสนอให้ขายกิจการให้กับบริษัทของสหรัฐฯ ภายในระยะเวลา 90 วัน สำหรับบทสรุปในเรื่องนี้ยังไม่มีการยืนยันออกมาจากบริษัทของทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใดว่าดีลที่เกิดขึ้นในครั้งนี้มีขอบเขตความร่วมมือ หรือขายกิจการในส่วนไหนบ้าง อีกทั้งยังต้องได้รับความเห็นชอบจากทั้งฝ่ายสหรัฐฯ และจีน แม้ว่าจะเจรจาเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วก็ตาม ที่มา: theverge, nbcnews, https://www.smartsme.co.th/content/240834

สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า Alibaba กำลังเจรากับ Grab ผู้ให้บริการด้านการขนส่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อเตรียมเข้าลงทุนคิดเป็นมูลค่า 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ94,000 ล้านบาท) การเดินหน้าในครั้งนี้ของ Alibaba แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีนจะระดมทุนแต่เพียงผู้เดียว และจะใช้เงินเข้าซื้อหุ้นบางส่วนที่ถูกครอบครองโดย Uber Technologies Inc อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังคงเป็นแค่กระแสข่าวเท่านั้น เนื่องจาก Grab ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น ขณะที่ Alibaba และ Uber ก็ยังไม่ตอบสนองในเรื่องนี้แต่อย่างใด สำหรับ Uber ถูกควบรวมกิจการกับ Grab ในช่วงเดือนมีนาคม ปี 2018 โดยบริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นใน Grab คิดเป็นสัดส่วน 27.5% วิเคราะห์กันว่าการที่ Alibaba ทุ่มเงิน 3,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ลงทุนใน Grab ถือเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจ รองรับการเติบโตของอีคอมเมิร์ซ โดยเฉพาะบริษัทในเครืออย่าง Lazada ที่ต้องเผชิญการแข่งขันอย่างดุเดือดจากคู่แข่งสำคัญอย่าง Shopee ของ Tencent อีกทั้ง Lazada ยังสามารถใช้ประโยชน์จากฐานลูกค้าของ Grab มาประยุกต์ใช้เป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจได้อีกด้วย ทั้งนี้ Grab ถูกประเมินว่ามีมูลค่าทางตลาด 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยดำเนินธุรกิจที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น บริการทางการเงิน, ส่งอาหารแบบเดลิเวรี่ และการชำระเงินผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่มา: bloomberg, reuters, https://www.smartsme.co.th/content/240857