หมวดหมู่
แท็ก:
สตาร์ทอัพไม่ใช่เรื่องของวัยรุ่น Buildon ผลงานจากคนวัยเก๋า
บิวดอน (Buildon) เกิดขึ้นจากความต้องการแก้ไขเรื่องการปรับปรุงและพัฒนาพื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ซึ่งแพลตฟอร์มของภาครัฐยังไม่ต้องโจทย์ความต้องการ และที่สำคัญงานนี้ไม่ใช่ผลงานของคนรุ่นใหม่ การพัฒนาอาศัยเทคโนโลยี Web/Mobile application มาช่วยคิดวิเคราะห์ระดมความคิด ประเมิน และระดมการลงทุนเพื่อยกระดับแหล่งโบราณคดี เริ่มนำร่องไปที่ เมืองเก่าศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี, ศาลากลางเดิม จังหวัดลำพูน และเมืองน่าน จังหวัดน่าน มุ่งตอบโจทย์การแก้ไขปัญหาและปรับปรุงให้เกิดประโยชน์จากอัตลักษณ์ วัฒนธรรมของชุมชน โดยการใช้นวัตกรรมในการสร้างแพลตฟอร์มออนไลน์ที่สามารถใช้สำหรับประเมินศักยภาพในเชิงพื้นที่ การระดมความคิดเห็นพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจและสังคม และระดมทุนเพื่อหากำไรในอนาคต ฟูปัญญา ว่องไววิทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิวดอน จำกัด วัย 50 ปี ให้ความเห็นว่าอายุไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการเริ่มต้นอะไรใหม่ๆ ตลอด 30 ปีที่ตนทำงานด้านนี้มา ก็ได้เอาประสบการณ์โดยตรงจากการเป็นสถาปนิกอนุรักษ์มาปรับกับการพัฒนาธุรกิจให้ตอบสนองต่อความต้องการทั้งภาครัฐและเอกชน เพราะถ้าไม่ใช่คนที่ทำงานด้านนี้โดยตรงก็จะไม่เข้าใจและไม่เข้าถึงแก่นหรือเข้าถึงปัญหาในระดับที่จะสามารถตอบโจทย์ของโครงการได้จริงๆ นอกจากนี้ ข้อได้เปรียบของการเป็นสตาร์ทอัพรุ่นใหญ่ที่ต่างจากสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ก็คือ การมีประสบการณ์ที่ตรงและยาวนานจะช่วยให้มองเห็นถึงปัญหาต่างๆ และนำมาแก้ไข ซึ่งแน่นอนว่าคนรุ่นใหม่จะต้องอาศัยเวลาในการสะสมประสบการณ์ การเรียนรู้ที่มีการผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าจะมีความเชี่ยวชาญ ส่วนคนที่เป็นรุ่นใหญ่หรือมีประสบการณ์แล้วก็จะสามารถจัดระเบียบ วางแผนการทำงานหรือการดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่า นี่คือตัวอย่างและแนวคิดที่ดีมากๆ เกี่ยวกับการทำสตาร์ทอัพ คนที่มีประสบการณ์ในเรื่องใดเรื่องหนึ่งมากๆ ก็สามารถนำมาสร้างธุรกิจใหม่ๆ ได้ ที่มา : www.smartsme.co.th
20 ธ.ค. 2564
Liquid Death สตาร์ทอัพน้ำดื่มพันธุ์ Heavy Metal
ไม่น่าเชื่อว่าน้ำแร่จากธรรมชาติก็กลายเป็นสตาร์ทอัพกับเขาได้ นี่เป็นสตาร์ทอัพที่ใช้ภาพลักษณ์การตลาดที่เต็มไปด้วยความรุนแรง แต่ก็ได้ใจจากคนจำนวนมาก โดยเฉพาะการระดมทุนครั้งใหม่ที่คาดว่าจะได้เงินลงทุนถึง 10 ล้านเหรียญ อะไรที่ทำให้น้ำดื่มตัวนี้น่าสนใจ เรากำลังจะบอกคุณ เห็นภาพลักษณ์ของความรุนแรงของสื่อโฆษณาที่ใช้แล้วอาจจะนึกได้ว่า นี่อาจจะเป็นกลุ่มเด็กเกรียนที่ลุกขึ้นมาทำอะไรให้มันดูหวือหวาเท่านั้น แต่ลึกลงไปแล้วพวกเขามีความต้องการที่จะแก้ไขปัญหาเรื่องของการใช้พลาสติกอย่างเป็นรูปธรรม Liquid Death คือน้ำแร่บรรจุกระป๋อง การที่เลือกใช้กระป๋องอลูมิเนียมก็เพราะว่าวัสดุชนิดนี้สามารถนำมารีไซเคิลได้มากกว่า 70% ในขณะที่ขวดพลาสติกนั้นสามารถนำมาใช้ใหม่ได้เพียงแค่ 3% เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 97% ก็กลายเป็นภาระของโลกใบนี้ จากข้อมูลเกี่ยวกับการใช้งานอลูมิเนียมพบว่า ตั้งแต่มีการใช้งานมาตั้งแต่ปี 1888 พบว่า 75% ของอลูมิเนียมยังคงถูกใช้งานมาอย่างต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ทำให้มั่นใจได้ว่าการเลือกดื่ม Liquid Death นอกจากจะได้ดื่มน้ำแร่จากเทือกเขาแอลป์แล้ว นี่ยังเป็นการดื่มเพื่อทำการฆ่าพลาสติกอีกด้วย บางครั้งธุรกิจสตาร์ทอัพก็อาจจะไม่ต้องคิดอะไรให้ซับซ้อน ขอเพียงคิดให้ออกว่าต้องการจะแก้ไขปัญหาเรื่องอะไร ก็เอาให้ชัดซัดให้เต็มเหนี่ยวก็จะได้ผลอย่างที่ Liquid Death กำลังทำ ที่มา : www.smartsme.co.th
19 ธ.ค. 2564
Virgo หุ่นยนต์เก็บมะเขือเทศที่มีประสิทธิภาพมากกว่ามนุษย์
ยินดีต้อนรับสู่อนาคตของการทำฟาร์มรูปแบบใหม่ Root AI เปิดตัวหุ่นยนต์ตัวใหม่ที่นำเอาปัญญาประดิษฐ์มาช่วยเปลี่ยนความสามารถของอุตสาหกรรมการเกษตร ด้วยหุ่นยนต์เก็บเกี่ยวอัตโนมัติ เพื่อช่วยเกษตรกรในสหรัฐอเมริกาให้ประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า 34 พันล้านเหรียญสำหรับค่าแรงงานในแต่ละปี เกษตรกรส่วนใหญ่พึ่งพาแรงงานตามฤดูกาลในฟาร์ม จากแรงงานนอกสหรัฐอเมริกาเพื่อเก็บเกี่ยวพืชผล จากนี้ทุกอย่างจะเปลี่ยนไป เมื่อ Root AI เปิดตัว Virgo หุ่นยนต์ขับเคลื่อนด้วยตนเองที่ออกแบบมาเพื่อเลือกมะเขือเทศ ในตัวของมันมีเซ็นเซอร์ทำงานร่วมกับกล้องที่ทำหน้าที่เป็นตาของมัน ทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ปัญญาประดิษฐ์ที่จะทำการวิเคราะห์ว่ามะเขือเทศลูกที่อยู่ตรงหน้า สุกพอที่จะเก็บเกี่ยวหรือยัง ถ้าวิเคราะหืแล้วพบว่าสุกพอที่จะเก็บเกี่ยวได้ มันจะยื่นแขนที่มี "นิ้ว" ที่มีความละเอียดอ่อนออกไปจับและทำการตัดผลไม้ออกจากเถา Virgo เป็นหุ่นยนต์ที่มีไฟส่องสว่างในตัวเอง มันความสามารถทำงานในโรงเพาะชำขนาดใหญ่ได้ทั่วโลก พร้อมทำงานตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน มันพร้อมที่จะตรวจสอบมะเขือเทศเพื่อหาผลที่สุกพอที่จะเก็บเกี่ยว ด้วยความแม่นยำจากการวิเคราะห์ด้วยระบบ AI ทำให้มั่นใจได้ว่ามันจะเก็บเกี่ยวเฉพาะสิ่งที่เหมาะสมที่สุดเท่านั้น Root AI ก่อตั้งขึ้นในปี 2561 โดย Joshua Lessing และ Ryan Knopf เป็น บริษัทวิจัยที่มีเป้าหมายเพื่อสร้างหุ่นยนต์อัจฉริยะที่จะช่วยเหลือการทำงานบนฟาร์มแห่งอนาคต ได้รับการระดมทุนไปแล้ว 2.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ที่มา : www.smartsme.co.th
18 ธ.ค. 2564
เข้าใจการตลาดมองขาดยุค New Normal
อุบลราชธานี 18 ธันวาคม 2564 ดร.รุ่งโรจน์ อิฐรัตน์ ผู้อำนวยศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM IPC7) ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หัวข้อ “เข้าใจการตลาดมองขาดยุค New Normal” หลักสูตร การฝึกอบรมการเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการเพื่อก้าวสู่ยุค Industry 4.0 (Ready to SME 4.0) ภายใต้โครงการ การพัฒนาผู้ประกอบการสู่ความเป็นอัจฉริยะ โดยมี ดร. นราธิป อ่ำเที่ยงตรง วิทยากรและที่ปรึกษา ด้านการตลาด การขาย / การบริการ / การท่องเที่ยว / การพัฒนาศักยภาพบุคลากร องค์กรภาครัฐ เอกชน และการพัฒนาผู้ประกอบการ มาเป็นวิทยากรถ่ายทอดให้ความรู้ เสริมทักษะ ประสบการณ์ ให้กับผู้เข้ารับการฝึกอบรมได้ศึกษา เรียนรู้และสามารถนำองค์ความรู้ ไปประยุกต์ใช้แก้ปัญหาในทางปฏิบัติจริง ซึ่งผู้เข้าอบรมจะได้รับความรู้ในเรื่องของการตลาด การรู้จักตัวตน สู่การสร้างคุณค่าและพัฒนาสู่การสร้างแบรนด์ที่ชัดเจน เข้าใจการตลาด ในยุค New Normal มากขึ้น โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งสิ้น 50 คน
18 ธ.ค. 2564
ฟอร์ดกำลังจะทำหุ่นยนต์ส่งของแบบ 2 ขา
ฟอร์ดเปิดเผยสิ่งที่หวังว่าจะเป็นอนาคตสำหรับการจัดส่งแบบอัตโนมัติในรูปแบบของหุ่นยนต์สองขา ฟอร์ดกำลังร่วมมือกับ Agility Robotics สำหรับการเริ่มต้นของหุ่นยนต์สำหรับโครงการวิจัยเพื่อค้นหาศักยภาพของการเป็นพันธมิตรกับรถยนต์ไร้คนขับกับการใช้หุ่นยนต์ส่งของให้ถึงมือลูกค้า การทำงานร่วมกันนี้เพื่อให้แน่ใจว่ายานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยตนเองนั้นจะได้รับการติดตั้งหุ่นยนต์ส่งของที่ทำงานได้อย่างที่ไม่มีใครเหมือนได้ แน่นอนว่าสินค้าจะถูกส่งถึงหน้าประตูบ้านของคุณ ฟอร์ดโชว์หุ่นยนต์ชื่อ "Digit" ที่สามารถยกของได้หนักถึง 40 ปอนด์ และทำการยกของด้วยแขนและมือของมันเอง ตัวของมันเองจะถูกพับเก็บเอาไว้ด้านหลังของรถที่ใช้ในการขนส่งสินค้า จากนั้นมันจะคลายตัวเองออกมาเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่กำหนด การเลือกใช้หุ่นยนต์สองเท้ามีข้อดีเหนือกว่าหุ่นยนต์ที่ใช้ล้อ เนื่องจากพวกมันสามารถเดินขึ้นบันไดได้เอง หรือแม้แต่ข้ามรอยแยกบนทางเท้าได้ ยังไม่ชัดเจนว่า Digit จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของแผนเรื่องหุ่นยนต์ของ Ford อย่างไร แต่เราจะได้รู้คำตอบเรื่องนี้ในต้นปี 2020 อย่างแน่นอน ที่มา : www.smartsme.co.th
17 ธ.ค. 2564
Magic Leap ซื้อซอฟต์แวร์การประชุมทางไกลผ่านโฮโลแกรมจากสตาร์ทอัพเบลเยียม
การฝากส่งข้อความแบบโฮโลแกรมของเจ้าหญิงเลอาถึงโอบีวัน ในภาพยนตร์เรื่อง Star wars ใกล้ความจริงเข้าไปทุกทีแล้ว แน่นอนว่ามันจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ต้องใช้ประสิทธิภาพของเครือข่ายความเร็วสูง ในระดับของ 5G Magic Leap ประกาศว่าพวกเขาตกลงที่จะรับ Mimesys ชาวเบลเยียม เข้าเป็นส่วนหนึ่งของทีมงาน เพื่อให้ได้มาซึ่งทีมงานเกี่ยวกับการทำวิดีโอคอลในเชิงปริมาตร มาสู่แพลตฟอร์ม Magic Leap เพื่อพัฒนาระบบดังกล่าวให้ดีขึ้น การเริ่มต้นครั้งแรกแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยีการประชุมทางวิดีโอของพวกเขาที่งาน CES ในปีนี้ ช่วยให้ใครที่ใช้ชุดหูฟัง Magic Leap One มองเห็นการแสดงภาพ 3 มิติของบุคคลในระหว่างการโทรผ่าน "วิดีโอ" การทำงานเกิดขึ้นจากการใช้กล้อง RealSense เชิงลึกของ Intel เพื่อรวบรวมและต่อภาพวิดีโอจากนั้นสตรีมไปยังชุดหูฟังของผู้ใช้ ทำให้ต้องมีการพัฒนาฮาร์ดแวร์กล้องความลึกภายนอกของตัวเองเพื่อดึงดูดลูกค้าระดับองค์กร นี่คือการปฏิวัติการสนทนาทางวิดีโอ เพราะเป็นกิจกรรมที่ใช้แบนด์วิดท์สูงมากกว่าที่เราเคยใช้กันอยู่เป็นประจำ การสื่อสารแบบนี้จะยากกว่าการใช้ AR เพราะนี่คือการส่งวิดีโอ 3 มิติแบบสดของผู้คนผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งต้องใช้พลังของเทคโนโลยีในระดับ 5G เท่านั้นจึงจะทำได้ ที่มา : www.smartsme.co.th
15 ธ.ค. 2564
Anyplace สตาร์ทอัพด้านที่อยู่อาศัยสำหรับ “คนเร่ร่อนทางดิจิทัล”
Anyplace เป็นสตาร์ทอัพที่ทำการนำเสนอห้องพักของโรงแรมและอพาร์ทเมนท์ที่ได้รับการตกแต่งพร้อมเข้าพัก เพื่อแก้ไขปัญหาสำหรับคนที่ไม่ต้องการทำสัญญาเช่าระยะยาว ซึ่ง Satoru Steve Naito ผู้ก่อตั้งมีจุดเริ่มต้นจากความต้องการแก้ไขปัญหาให้ตัวเขาเองในฐานะ “คนเร่ร่อนทางดิจิทัล” ที่ชอบย้ายจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งในทุกๆ 2-3 เดือน ความต้องการของคนในยุคนี้ก็คือห้องพักต้องสะดวกสะอาดและมีไวไฟ มีความปลอดภัยสูง และอีกหนึ่งในความต้องการคือไม่ชอบการทำสัญญาระยะยาว Anyplace จะทำการเจรจาส่วนลด 30% - 50% กับโรงแรมต่างๆ ที่ต้องการรายได้ใหม่จากแหล่งรายเดือนซึ่งอาจจะมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากพวกเขาสูญเสียรายได้ไปกับ Airbnb จำนวนมาก Anyplace ทำหน้าที่เสมือนตลาดออนไลน์โดยไม่ต้องมีคุณสมบัติใดๆ เป็นของตัวเอง ดังนั้นความร่วมมือกับอพาร์ทเมนท์และโรงแรมจึงทำได้ง่ายมากขึ้น โดย Anyplace จะเรียกเก็บค่านายหน้า 10 เปอร์เซ็นต์จากการเข้าพักและจองผ่านระบบ นอกจากนี้ยังมีการให้รางวัลกับลูกค้าที่ใช้บริการบ่อยๆ เพิ่มเติมอีกด้วย “เราไม่ต้องการที่จะกลายเป็นตลาดเช่าบ้านที่น่าเบื่อ เราไม่ใช่ธุรกิจที่อยู่อาศัย เราเป็นชุมชนของคนรักอิสระ” Naito กล่าว เขายอมรับว่ากลุ่มลูกค้าของเขา หรือที่เขาเรียกว่า คนเร่ร่อนทางดิจิทัล ดังนั้น Anyplace จึงได้รับการออกแบบมาเพื่อรองรับทุกคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยชั่วคราวไม่ว่าพวกเขาจะย้ายที่อยู่เพื่อหางานใหม่ ที่ไหนสักแห่ง หรือแม้แต่สำหรับการฝึกงาน ที่มา : www.smartsme.co.th
15 ธ.ค. 2564
สตาร์ทอัพพลังงานสะอาดที่มา Refill ถึงหน้าบ้าน
Algramo สตาร์ทอัพที่เริ่มต้นธุรกิจในชิลี โดยการให้บริการ Refill สบู่และผงซักฟอก เพื่อลดการทิ้งบรรจุภัณฑ์พลาสติก ตอนนี้ธุรกิจกำลังไปได้ดีและกำลังจะบุกเข้าตลาดสหรัฐอเมริกา หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ทิ้งขวดเปล่าของสบู่เหลวและน้ำยาซักผ้าอยู่เป็นประจำ เราแนะนำว่าต่อจากนี้ไปขอให้คุณเลิกทิ้งแล้วหันมาใช้บริการของ Algramo รถสามล้อมพลังงานไฟฟ้าที่พร้อมจะวิ่งไปทำการ Refill ของที่คุณใช้หมดแล้วโดยไม่ต้องทิ้งขวดให้เป็นภาระกับโลกใบนี้ และถ้าคุณทำการเริ่มต้นซื้อพร้อมบรรจุภัณฑ์ของเขา จะทำให้คุณได้รับส่วนลดในการ Refill แต่ละครั้งผ่านทางเทคโนโลยี RFID ที่อยู่ที่ขวด ถือว่าเป็นการออกแบบที่เอาใจใส่ทั้งคนใช้และโลกใบนี้ไปพร้อมๆ กัน นี่ถือเป็นการนำเสนอวิธีแก้ปัญหาขยะจากบรรจุภัณฑ์ที่ได้ผลดีมาก และจากผลงานที่เข้าตาของ Algramo ทำให้มีกลุ่มนักลงทุนสนใจให้ทำการเปิดตลาดสู่สหรัฐอเมริกา โดยยังคงรูปแบบของการ Refill เอาไว้แต่อาจจะเพิ่มความหลากหลายของสินค้าที่จะเติมลงไปในขวดที่ใช้แล้ว งานนี้ไม่ธรรมดาถึงขนาดที่ยักษ์ใหญ่อย่าง Unilever ยังชายตามอง เพราะบริษัทก็กำลังหาทางออกสำหรับปัญหาบรรจุภัณฑ์ของตนเองเช่นกัน ว่าจะทำอย่างไรถึงจะลดการก่อให้เกิดขยะพลาสติกได้ ทางออกของการเปิดร้านที่มีสินค้าให้ Refill จึงเป็นทางออกที่น่าสนใจ ตอนนี้คนทั้งโลกกำลังหาทางออกสำหรับปัญหาขยะพลาสติดล้นโลก การที่สตาร์ทอัพได้เข้ามาช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ก็ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดี และนี่ไม่ใช่บริษัทเดียวที่คิดแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ ที่มา : www.smartsme.co.th
14 ธ.ค. 2564
หุ่นยนต์ทำสลัด Sally ตัวเลือกอาหารเพื่อสุขภาพ 24 ชั่วโมง
นักศึกษาที่ College of the Holy Cross ได้เชฟคนใหม่ที่พร้อมจะทำการปรุงอาหารเพื่อสุขภาพอย่างสลัดผักชนิดต่างๆ ให้กับนักศึกษา และที่สำคัญเขาพร้อมจะทำหน้าที่นี้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่านักศึกษาจะนอนดึกกินไม่เป็นเวลามากมายขนาดไหน Sally เอาอยู่ Sally หุ่นยนต์นักทำสลัดเป็นผลงานของ Chowbotics เริ่มทำการติดตั้งเพื่อเป็นทางเลือกให้กับนักศึกษาใน College of the Holy Cross งานนี้เป็นการให้บริการอาหารเพื่อสุขภาพ ทดแทนการสั่งพิซซ่าในยามค่ำคืน หุ่นยนต์นักปรุงตัวนี้จะถูกซ่อนเอาไว้ในเครื่องหยอดเหรียญที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัส ลูกค้าสามารถทำการเลือกส่วนผสมที่หลากหลายของสลัดที่พวกเขาต้องการ ไม่ว่าจะเป็นชนิดของผัก ชนิดของน้ำสลัด เรื่อยไปจนถึงเนื้อสัตว์ที่ต้องการ จากนั้นลูกค้าก็แค่วางชามรอ หุ่นยนต์จะเริ่มกระบวนการทำสลัดตามส่วนผสมที่ลูกค้าเลือก แล้วก็ทำการวางลงในชามที่ลูกค้าเตรียมไว้ เท่านี้ก็พร้อมเสิร์ฟแล้ว การที่ได้เลือกให้ทำการติดตั้งและใช้งานใน Holy Cross ถือว่าหุ่นยนต์ตัวนี้สอบผ่านในทุกขั้นตอน ทั้งเรื่องของความสะอาดและความมีประสิทธิภาพ ตอนนี้ Sally กำลังได้รับความนิยมมีการนำไปติดตั้งมากกว่า 70 แห่งทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายอยู่ในสถานที่ต่างๆ ที่มีความต้องการตัวเลือกของอาหารเพื่อสุขภาพแบบ 24 ชั่วโมง ที่มา : www.smartsme.co.th
13 ธ.ค. 2564
นักวิจัยของ Google สอน AI ให้รู้จักกลิ่น
เป็นเวลาหลายสิบปีที่นักวิทยาศาสตร์พยายามที่จะทำนายความสัมพันธ์ระหว่างโครงสร้างของโมเลกุลและกลิ่นของมัน ในเรื่องของสีนักวิทยาศาสตร์สามารถดูที่ความยาวคลื่นของแสงแล้วระบุได้ว่ามันคือสีอะไร แต่เมื่อพูดถึงเรื่องของกลิ่นนักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถใช้เพียงรูปร่างของโมเลกุลเพื่อระบุกลิ่นของมันได้ นักวิจัยจาก Google Brain Team หวังว่า AI อาจจะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ได้พวกเขากำลังทำการฝึกฝน AI เพื่อให้รับรู้เรื่องของกลิ่น นักวิจัยได้สร้างชุดข้อมูลเกือบ 5,000 แบบของโมเลกุล ที่ระบุว่าเป็นโมเลกุลของส่วนประกอบต่างๆ ของน้ำหอม เพื่อใช้ในการฝึกฝน AI ให้รู้จักเชื่อมโยงรูปแบบของโมเลกุลเข้ากับคำอธิบายที่พวกมันได้รับ จากนั้นนักวิจัยก็เริ่มใช้กลิ่นเพื่อทำการทดสอบ พบว่า AI สามารถทำนายกลิ่นได้จากโครงสร้างโมเลกุล อย่างไรก็ตามนักวิจัยของ Google เชื่อว่าการฝึกฝน AI เพื่อเชื่อมโยงรูปแบบของโมเลกุลกับกลิ่น เป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญ มันจะนำไปสู่ความเข้าใจเกี่ยวกับประสาทสัมผัสเรื่องกลิ่นของมนุษย์ รวมถึงวิธีใหม่ๆ ในการผลิตน้ำหอมสังเคราะห์ งานวิจัยลักษณะนี้ Google ไม่ได้ทำอยู่บริษัทเดียว ที่ Barbican Center ของกรุงลอนดอนเมื่อต้นปีที่ผ่านมานักวิทยาศาสตร์ใช้การเรียนรู้ด้วยเครื่องเพื่อสร้างกลิ่นของดอกไม้ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว ในรัสเซียมีการใช้ AI ในการดมกลิ่นของก๊าซอันตราย และ IBM กำลังทดลองใช้น้ำหอมที่ AI สร้างขึ้น ที่มา : www.smartsme.co.th
12 ธ.ค. 2564