หมวดหมู่
แท็ก:
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ตำแหน่ง พนักงานจ้างเหมาบริการ ปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 . ประกาศ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564
ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ตำแหน่ง พนักงานจ้างเหมาบริการ ปฏิบัติงานด้านการส่งเสริมอุตสาหกรรม ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 . ประกาศ ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2564
12 ก.พ. 2564
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบเพื่อคัดเลือกเป็นพนักงานจ้างเหมาบริการฯ เพื่อปฏิบัติงานด้านส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 1 อัตรา
ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบเพื่อคัดเลือกเป็นพนักงานจ้างเหมาบริการฯเพื่อปฏิบัติงานด้านส่งเสริมอุตสาหกรรม จำนวน 1 อัตรา.กำหนดการสอบคัดเลือก วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7โดยสอบข้อเขียน เวลา 09.00 น.-12.00 น.และสอบสัมภาษณ์ เวลา 13.00 น. เป็นต้นไป.เลขประจำตัวสอบ1. นางสาวบุษบากร คำเมือง2. นายอัครภณ จำปารัตน์3. นายธนาธิป ธรรมรักษ์4. นายมรุพงษ์ ศรีพวงวงษ์5. นางสาวอัจฉริยา บุญจรัส6. นางสาวปาริตา ปัสสาพันธ์
10 ก.พ. 2564
ผอ.รุ่งโรจน์ เปิดเชื่อมโยงการพัฒนาเครือข่าย CIV สร้างฐานรากชุมชน พัฒนาเศรษฐกิจอย่างสร้างสรรค์และยั่งยืน
อุบลราชธานี 3 กุมภาพันธ์ 2564 ดร.รุ่งโรจน์ อิฐรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ให้เกียรติเป็นประธานเปิดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการเชื่อมโยงการพัฒนาขยายเครือข่ายภาครัฐเอกชน ภายใต้กิจกรรมพัฒนาหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน ( Creative Industry Village : CIV ) กล่าวรายงานโดย นายสุเทพ ทุตา ผู้อำนวยการกลุ่มพัฒนาการส่งเสริมอุตสาหกรรมชุมชน การจัดกิจกรรมในครั้งนี้เป็นการแลกเปลี่ยน แนวทางและแผนในการพัฒนาอุตสาหกรรมชุมชนเพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวสร้างมูลค่าให้แก่ผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ที่เป็นของฝากของที่ระลึก และเสริมสร้างศักยภาพในด้านการบริหารจัดการและการเข้าถึงช่องทางการตลาดสมัยใหม่ เพื่อให้ชุมชนมีส่วนร่วมและยกระดับหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ด้วยตนเอง และสามารถสร้างรายได้ให้กับชุมชนได้อย่างยั่งยืน โดยมี คุณกิติธัช รีรัตน์ เป็นวิทยากรบรรยายแนวคิดด้านการตลาดยุคใหม่เชิงสร้างสรรค์กับการพัฒนาผู้ประกอบการชุมชนในการยกระดับหมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และกิจกรรมกระบวนการสร้างเครือข่ายโดยระดมแนวคิด การถอดบทเรียน และการวิเคราะห์ศักยภาพเพื่อจัดทำยุทธศาสตร์การพัฒนาชุมชน โดย ดร.ธรรมวิมล สุขเสริม และทีมที่ปรึกษา ร่วมเป็นวิทยากรในครั้งนี้ กิจกรรมนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 3-4 กุมภาพันธ์ 2564 ณ โรงแรมกิจตรงวิลล์ รีสอร์ท จังหวัดอุบลราชธานี มีผู้ประกอบการเข้าร่วม 10 ชุมชน
03 ก.พ. 2564
กิจกรรมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ (Thai – idc)
ทุกวันนี้โลกเราหมุนเวียนไปเร็วมาก ผลิตภัณฑ์ของเราจะตามเค้าให้ทันได้อย่างไร ?.ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 ขอแนะนำกิจกรรมออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์สร้างสรรค์ (Thai – idc)...พัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ Product Design...ภายใต้โครงการการสร้างมูลค่าเพิ่มอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564----------------------------------------------พิเศษสุดๆ!! สำหรับผู้ประกอบการในพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี, ศรีสะเกษ, อำนาจเจริญ, ยโสธร! ไม่มีค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร! คุณจะได้ร่วม :กิจกรรมที่ 1 ฝึกอบรม/สัมมนาเชิงปฏิบัติการ เพื่อค้นหาแนวทางการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ กิจกรรมที่ 2 การพัฒนาผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบ จนกระทั่งได้ต้นแบบผลิตภัณฑ์/บรรจุภัณฑ์ (คัดเลือกผู้เข้าร่วมกิจกรรม จำนวน 10 ท่าน จากกิจกรรมที่ 1เข้าสู่กิจกรรมที่ 2 โดยคณะกรรมการฯ ).#อย่าลืมรีบสมัครกันมานะครับ .https://forms.gle/NcfMwWFViJVr7hUn8รับสมัครตั้งแต่วันนี้ - 25 มกราคม 2564.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม1. คุณม๊าเหมี่ยว 08 2151 99732. คุณหนึ่ง 08 5495 34323. คุณเก่ง 08 6246 1388______#ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7
19 ม.ค. 2564
“ก.อุตฯ”คุมเข้มมาตรการสกัด‘ฝุ่น PM2.5’ สั่งตรวจสอบโรงงานทั่วประเทศเสี่ยงปล่อยฝุ่นพิษเกินมาตรฐาน”
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กำชับทุกหน่วยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) พื้นที่ กทม.และปริมณฑลในระยะเร่งด่วน สั่งตรวจสอบ-บังคับใช้กฎหมายในโรงงานควบคุมมลพิษ ชงมาตรการจูงใจหนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า พร้อมอัดโปรสินเชื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปีงบประมาณ 2562-2564 รวม 6,000 ล้านบาท! นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า จากการรายงานสถานการณ์และคุณภาพอากาศประเทศไทย โดยเฉพาะพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) มีค่าอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งเป็นผลจากการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) ของรัฐบาลที่ได้บูรณาการความร่วมมือจากหลายฝ่ายในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือกับปัญหาดังกล่าว กระทรวงอุตสาหกรรม ได้กำหนดมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาไว้ทั้ง 3 กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ภาคอุตสาหกรรม ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ และภาคเกษตรอุตสาหกรรม ทั้งมาตรการเร่งด่วนและมาตรการระยะยาว โดยในส่วนของมาตรการเร่งด่วนในภาคอุตสาหกรรม ให้ตรวจสอบ เฝ้าระวังและบังคับใช้กฎหมายกับโรงงานอุตสาหกรรมอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะโรงงานที่มีการใช้หม้อน้ำ หรือแหล่งกำเนิดความร้อน และอุปกรณ์การเผาไหม้ในพื้นที่ กทม. และจังหวัดปริมณฑล พร้อมกับขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบ ควบคุมระบบบำบัดมลพิษทางอากาศ ให้ทำงานเต็มประสิทธิภาพ รวมถึงการปรับแผนการผลิตและขอความร่วมมือให้มีการติดตั้งระบบตรวจสอบ การระบายมลพิษอากาศแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง (CEMS) และเชื่อมโยงข้อมูลมายังกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) รวมทั้ง การปรับแต่งการเผาไหม้เชื้อเพลิงจากหม้อน้ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้และลดปัญหามลพิษทางอากาศ และสำหรับในระยะยาวจะดำเนินการขยายผลการติดตั้งระบบตรวจสอบการระบายมลพิษอากาศแบบอัตโนมัติต่อเนื่อง (CEMS) โดยมีการเชื่อมโยงข้อมูลให้ครอบคลุมพื้นที่และประเภทการประกอบกิจการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมจำพวก 3 เตาเผาที่มีการใช้เชื้อเพลิง ชีวมวล และหม้อน้ำตามขนาดที่กำหนด รวมถึงการทบทวนและปรับปรุงมาตรฐานการระบายมลพิษทางอากาศจากโรงงานให้เข้มงวดมากขึ้น ตลอดจนการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และการออกกฎหมายรายงานการปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ (PRTR) มาตรการในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้จัดทำมาตรการจูงใจเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าผ่านมาตรฐานที่เกี่ยวกับยานยนต์ไฟฟ้า ที่ประกาศใช้แล้ว 37 มาตรฐาน จากทั้งหมด 63 มาตรฐาน โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีงบประมาณ 2564 พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมือ อุปกรณ์ เพื่อรองรับการทดสอบรถยนต์หรือชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในส่วนราชการ ส่งเสริมการลงทุนเพื่อให้เกิดการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และรถบัสไฟฟ้า ภายในประเทศ และการกำหนดอัตราค่าไฟคงที่ทุกช่วงเวลาสำหรับการชาร์ตยานยนต์ไฟฟ้า รวมทั้งจัดทำแผนการขยายสถานีอัดประจุไฟฟ้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังมีมาตรการในภาคเกษตรอุตสาหกรรม ด้วยการกำหนดนโยบายลดปริมาณอ้อยไฟไหม้ : อ้อยสด เป็นร้อยละ 20:80 ในฤดูการผลิตปี 2563/2564 โดยมีมาตรการกำหนดราคาอ้อยสดกับราคาอ้อยไฟไหม้ที่แตกต่างกัน เพื่อให้ชาวไร่อ้อยที่ตัดอ้อยไฟไหม้หันกลับมาตัดอ้อยสด จัดซื้อรถสางใบอ้อย เพื่อให้ชาวไร่อ้อยรายเล็กได้ยืมไปใช้ และมาตรการสนับสนุนจากภาครัฐในการสนับสนุนเครื่องจักรกลการเกษตร โดยโครงการส่งเสริมสินเชื่อเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอ้อยอย่างครบวงจรปีงบประมาณ 2562-2564 วงเงินปีละ 2,000 ล้านบาท รวมระยะเวลา 3 ปี เป็นจำนวน 6,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเพื่อการพัฒนาแหล่งน้ำ และการบริหารจัดการน้ำในไร่อ้อย จัดซื้อรถตัดอ้อย รถคีบอ้อย รถแทรกเตอร์ รถบรรทุกอ้อย และเครื่องจักรกลการเกษตรอื่น ๆ “กระทรวงฯ มีการตรวจสอบ และติดตามสถานการณ์โรงงานที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่สามารถก่อให้เกิด ฝุ่นละออง PM2.5 ทั่วประเทศ โดยเฉพาะโรงงานที่มีการใช้พลังงานในหม้อน้ำ หม้อต้ม ที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อนและอุปกรณ์การเผาไหม้อื่นๆ ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรม โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรม (กรอ.) ได้จัดโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้สำหรับหม้อน้ำและหม้อต้มที่ใช้ของเหลวเป็นสื่อนำความร้อน เพื่อการอนุรักษ์พลังงานและลดฝุ่นละออง PM2.5 ของโรงงานในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งการปรับแต่งการเผาไหม้นอกจากจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตแล้วยังช่วยลดปัญหา ฝุ่นละอองแก่โรงงานอุตสาหกรรมที่เข้าร่วมโครงการเป็นอย่างดี อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ได้กำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ตรวจ ติดตาม โรงงานอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยงสร้างปัญหาฝุ่น PM2.5 อย่างใกล้ชิด เพื่อผลักดันให้โรงงานลดการปล่อยมลพิษรวมถึงฝุ่น PM2.5 ให้เหลือน้อยที่สุด” ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปิดท้าย
15 ม.ค. 2564
กสอ.ปลื้มปี 63 หนุนรายได้หมู่บ้าน CIV แตะ 280 ลบ. เผยหมู่บ้าน CIV ทั่วไทย พร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงวันหยุดปี 64
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) มั่นใจ “หมู่บ้าน CIV ดีพร้อม” มีความพร้อมสามารถรองรับนักท่องเที่ยวช่วงหยุดยาว โดยปัจจุบันมีกว่า 230 แห่งทั่วประเทศ อาทิ บ้านนาต้นจั่น ชุมชนบางคล้า เพราะได้รับการส่งเสริมศักยภาพใน 3 ด้านหลัก ประกอบด้วย ความพร้อมด้านต้นทุนทางวัฒนธรรม ความพร้อมด้านการท่องเที่ยว และ ความพร้อมด้านสินค้าและบริการ ที่พร้อมรองรับการท่องเที่ยว โดยมีต้นแบบการพัฒนาชุมชนที่ประสบความสำเร็จ อาทิ “คนบ้านคา” ตัวอย่างชุมชนเข้มแข็ง รวมกลุ่มวัยเกษียณกว่า 50 คน ใช้วิถีเกษตรธรรมชาติ ขับเคลื่อนการท่องเที่ยว สร้างรายได้ยั่งยืน นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) มุ่งพัฒนาชุมชนเพื่อยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ตามแนวนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ผ่านการดำเนินงานส่งเสริม หมู่บ้านอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Industry Village : CIV ) หรือ “หมู่บ้าน CIV ดีพร้อม” ผ่านกระบวนการพัฒนาคนในชุมชนให้มีความพร้อม พัฒนากระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน และ พัฒนาชุมชนให้มีศักยภาพพร้อมเป็นแหล่งท่องเที่ยว โดยใช้จุดเด่นของแต่ละชุมชนเป็นจุดขาย ผ่านการดำเนินการที่ได้รับการปรับให้สอดคล้องกับวิถีชุมชน โดยมีศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมจังหวัด ที่กระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ทั้งนี้การดำเนินการส่งเสริมที่ผ่านมาส่งเสริมไปแล้วกว่า 230 ชุมชน สามารถสร้างรายได้ในปี 2563 จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่เป็นของฝาก ของที่ละลึก 187.7 ล้านบาท รายได้จากการบริการชุมชน 92 ล้านบาท รวมรายได้ทั้งหมดกว่า 280.1 ล้านบาท นายณัฐพล เปิดเผยว่า มั่นใจในศักยภาพของชุมชนต่างๆที่ได้รับการส่งเสริมว่ามีความพร้อมรองรับการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี อาทิ บ้านนาต้นจั่น จังหวัดพิษณุโลก เหมาะสำหรับการท่องเที่ยววิธีธรรมชาติ พร้อมเรียนรู้วัฒนธรรมการทอผ้า ชุมชนบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ มีการจัดรูปแบบการท่องเที่ยวที่สามารถเที่ยวได้หลากหลายภายในหนึ่งวัน หรือ One Day Trip ทั้งนี้เป็นเพราะแต่ละชุมชนได้รับการพัฒนาทั้ง 3 ด้านสำคัญ ประกอบด้วย ด้านทุนทางวัฒนธรรม อันได้แก่ อัตลักษณ์ชุมชน เสน่ห์ของชุมชน วิธีชุมชน และภูมิปัญญาชุมชน ด้านการท่องเที่ยว ประกอบด้วย ทรัพยากรการท่องเที่ยว เส้นทางการท่องเที่ยว และข้อมูลการท่องเที่ยว และด้านผลิตภัณฑ์และบริการ ผ่านการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์/บริการชุมชน ของฝาก ของที่ระลึกเพื่อการท่องเที่ยว ทำให้ชุมชนต่างๆ มีความพร้อมสำหรับการรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยชุมชนบ้านคา ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างชุมชนที่มีความพร้อมในด้านการท่องเที่ยววิถีเกษตรอินทรีย์ ที่พร้อมรับรองการท่องเที่ยวที่จะเกิดขึ้น ทั้งนี้ที่ผ่านมา กสอ. ประสบความสำเร็จในการยกระดับชุมชนต่าง ๆ อาทิ ชุมชนห้วยยายจิ๋ว จังหวัดชัยภูมิ ขยายผลมายังชุมชนบ้านคา จังหวัดราชบุรี และเตรียมขยายผลให้ครอบคลุมทั่วประเทศในปี 2564 ภายใต้เป้าหมายเพื่อให้ชุมชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน จากการดำเนินงานอย่างเข้มข้นของ กสอ. พบว่า โดยแต่ละชุมชนมีความหลากหลายทั้งในเชิงภูมิศาสตร์ และ อัตลักษณ์ ซึ่งถือเป็นจุดเด่น และทางเลือกสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีความหลากหลายในปัจจุบัน ชุมชนจึงควรค้นหาจุดแข็งของชุมชน เพื่อพัฒนาต่อยอดให้มีศักยภาพอย่างไรก็ดี การพัฒนาชุมชนให้มีความเข้มแข็งจนสามารถเป็น “หมู่บ้าน CIV ดีพร้อม” ในเบื้องต้น มีหลักสำคัญ 7 ประการ ประกอบด้วย 1. ใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสม กล่าวคือ ใช้เทคโนโลยีที่มีราคาไม่แพง แต่ถูกหลักวิชาการ 2. มีขนาดการผลิตที่เหมาะสม สอดคล้องกับความสามารถในการบริหารจัดการ 3. ไม่โลภ และไม่เน้นกำไรระยะสั้นเป็นหลัก 4. เน้นความซื่อสัตย์สุจริตในการประกอบการ ไม่เอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค 5. เน้นการกระจายความเสี่ยงด้วยการสร้างผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายและมีความสามารถในการปรับเปลี่ยนผลผลิตได้ 6. เน้นการบริหารความเสี่ยงต่ำ (Downside risk management) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่ก่อหนี้จนเกินขีดความสามารถในการจัดการ และ 7. เน้นการใช้เสน่ห์ในท้องถิ่นในการขับเคลื่อน นายณัฐพล กล่าวทิ้งท้าย นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ด้าน นางสุประวีณ์ รัศมีตรีเนตร เจ้าของไร่มาลัยทรัพย์ อ.บ้านคา จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชน ผักผลไม้ปลอดภัย บ้านคา จังหวัดราชบุรี เกิดจากการต่อยอดปรัชญา “โครงการหลวง” ในการทำการเกษตรอินทรีย์ สร้างแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอย่างยั่งยืน ผ่านการการรวมตัวกันของกลุ่มข้าราชการและครูที่เกษียณอายุราชการกว่า 50 คน ในนาม “คนบ้านคา จ.ราชบุรี” แลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างกัน ยกระดับเป็นแหล่งเรียนรู้เกษตร โดยมีเป้าหมายเพื่อให้คนรุ่นหลังกลับมาใช้ชีวิตสุขใจและพัฒนาบ้านเกิดร่วมกัน โดยไร่มาลัยทรัพย์ได้เพาะปลูกอินทผลัม นำเข้าเนื้อเยื่อมาจากประเทศทางตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นต้นกำเนิดสายพันธุ์อินทผลัมในราคาต้นละ 300 บาท คัดเลือกสายพันธุ์ที่เหมาะสำหรับการแปรรูปมากกว่า 10 สายพันธุ์ และทดลองนำสายพันธุ์ที่ให้เหมาะกับการบริโภคสดมาปลูกด้วย อาทิ บาฮี ฮายานี่ อะบูดาเบีย ใช้ปุ๋ยมาตรฐานที่ผลิตขึ้นเอง สร้างแปลงเกษตรอินทรีย์แบบมีส่วนร่วม และเป็นการทำการเกษตรผสมผสาน โดยปลูกมะขามป้อมและไม้ผลชนิดอื่น ๆ เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมบรรยากาศการเพาะปลูก เกิดการถ่ายภาพและแชร์ไปยังสื่อสังคมออนไลน์ นอกจากนี้นักท่องเที่ยวหลายรายยังสั่งจองผลผลิตอินทผลัมอินทรีย์ ที่ราคากิโลกรัมละ 400 บาทต่อกิโลกรัม โดยปัจจุบันผลผลิตบางส่วนได้ส่งออกไปยังประเทศพม่า กัมพูชา และลาว ซึ่งปีที่ผ่านมามีรายได้จากการจำหน่ายอินทผลัมกว่า 7 แสนบาทนายจำนอง บุญเลิศฟ้า กลุ่มผู้ประกอบการปลูกผักผลไม้ปลอดภัยบ้านคา จังหวัดราชบุรี เปิดเผยว่า ได้ริเริ่มโครงการปลูกผักกางมุ้ง และไร่องุ่นกำนันเมี้ยง เพราะต้องการปลูกผักปลอดสารพิษ และต้องการจูงใจให้คนในพื้นที่บ้านคา ที่ออกไปทำงานในกรุงเทพฯ หรือจังหวัดอื่นๆ กลับมาใช้ชีวิตปลูกผักปลูกผลไม้และพัฒนาเกษตรที่บ้านเกิด โดยการดำเนินการได้แบ่งพื้นที่กว่า 3-4 ไร่จากทั้งหมด 20 ไร่เพื่อทำการเพาะปลูกผักสวนครัว อาทิ กวางตุ้งและคะน้าในรูปแบบแปลงปลูกกางมุ้ง นอกจากนั้นยังมีองุ่น พันธุ์บิวตี้และเพอเรท เสาวรส พันธุ์หม่าเทียนซิง ในพื้นที่บริเวณโดยรอบ โดยใช้รูปแบบของเกษตรอินทรีย์ของโครงการหลวงมาประยุกต์ โดยมีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมให้คำแนะนำในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาสามารถสร้างรายได้จากการเพาะปลูกได้กว่า 5 แสนบาท
15 ม.ค. 2564
“อธิบดีณัฐพล” ร่วมลงนามถวายพระพร กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ให้ทรงหายจากพระอาการประชวร
กรุงเทพฯ 14 มกราคม 2564 เวลา 10.30 น. - นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และลงนามถวายพระพร ขอทรงหายจากพระอาการประชวรและมีพระพลานามัยแข็งแรงโดยเร็ววัน โดยมี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมด้วย นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายสุรพล ชามาตย์ นางวรวรรณ ชิตอรุณ และนายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าร่วม ณ ศาลาสหทัยสมาคมในพระบรมมหาราชวัง
14 ม.ค. 2564
“อธิบดีณัฐพล” พร้อมผู้บริหาร ก.อุตฯ รับมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศยิ่ง “รักษ์ทะเลยิ่งชีพ
กรุงเทพ ฯ 14 มกราคม 2564 - นางวรวรรณ ชิตอรุณ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม นายณัฐพล รังสิตพล อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และ นายวิษณุ ทับเที่ยง อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ รับมอบเครื่องหมายเชิดชูเกียรติยศยิ่ง “รักษ์ทะเลยิ่งชีพ” ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มอบให้เพื่อเชิดชูเกียรติสำหรับผู้ที่ประกอบคุณงามความดี ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมานะบากบั่นอดทนและเสียสละอย่างสูง จนบังเกิดผลดีต่อส่วนรวมในงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยมี นายโสภณ ทองดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เป็นผู้แทนในการมอบ ณ บริเวณห้องโถง ชั้น 1 สำนักงานปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม
14 ม.ค. 2564
กระทรวงอุตฯ รับสมัครรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2564 ชูนโยบายเศรษฐกิจหมุนเวียน โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน
กระทรวงอุตสาหกรรมขอเชิญผู้ประกอบการ และ SMEs สมัครเข้ารับการคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี 2564 (The Prime Minister’s Industry Award ) รางวัลอันทรงเกียรติสำหรับอุตสาหกรรมไทย ปีนี้เพิ่ม “เศรษฐกิจหมุนเวียน” และ “โลจิสติกส์และโซ่อุปทาน” รวมเป็น 15 ประเภทรางวัล นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้จัดงานมอบรางวัลอุตสาหกรรมเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 เป็นต้นมา โดยมีนายกรัฐมนตรีให้เกียรติเป็นประธานในการมอบรางวัล เพื่อประกาศเกียรติคุณผู้ประกอบการที่มีความวิริยะอุตสาหะในการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นแบบอย่างที่ดีแก่กิจการอุตสาหกรรมอื่นๆ ตลอดจนเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศ โดยมุ่งหวังให้เกิดการพัฒนามาตรฐาน และการประกอบการในด้านต่างๆ อย่างมีศักยภาพ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการผลิตของภาคอุตสาหกรรม และเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันทางการค้า ซึ่งจะเป็นผลดีต่อการเจริญเติบโตของประเทศโดยรวม “ในปีนี้พิเศษกว่าทุกปีที่ผ่านมาคือ กระทรวงอุตสาหกรรมได้เพิ่มรางวัลอีก 2 ประเภทรางวัล เพื่อสนับสนุนนโยบายรัฐบาลด้าน BCG และส่งเสริมผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้สามารถพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ได้แก่ รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่มุ่งเน้นให้ภาคอุตสาหกรรมใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า คำนึงถึงการนำวัสดุต่างๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด มุ่งแก้ไขปัญหามลพิษ และลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน ด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจให้มีความเจริญเติบโตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนและสร้างความยั่งยืนให้กับระบบเศรษฐกิจของไทย ทั้งนี้ ในปี 2565 กระทรวงอุตสาหกรรมเตรียมยกระดับเป็นรางวัลด้าน BCG เพื่อให้ครอบคลุมการดำเนินงานทั้งระบบในองค์กร และอีกหนึ่งประเภทรางวัลที่เพิ่มมาในปีนี้คือ รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน เพื่อเปิดโอกาสให้เอสเอ็มอีสามารถสมัครเข้าร่วมประกวดกันได้มากขึ้น เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการจัดการโลจิสติกส์ในองค์กร ทำให้ผู้ประกอบการประหยัดค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการโลจิสติกส์ และประหยัดพลังงานด้วย” นายกอบชัยฯ กล่าว นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า “ในปีนี้ สมอ. ได้รับมอบหมายให้เป็นหน่วยงานหลักในการจัดงานรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2564 ซึ่งมีรางวัลอุตสาหกรรม รวมทั้งสิ้น 15 ประเภทรางวัล ดังนี้ 1. รางวัลอุตสาหกรรมยอดเยี่ยม จำนวน 1 รางวัล 2. รางวัลอุตสาหกรรมดีเด่น จำนวน 9 ประเภทรางวัล ได้แก่ 2.1 ประเภทการเพิ่มผลผลิต 2.2 ประเภทการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม 2.3 ประเภทการบริหารความปลอดภัย 2.4 ประเภทการบริหารงานคุณภาพ 2.5 ประเภทการจัดการพลังงาน 2.6 ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน 2.7 ประเภทอุตสาหกรรมศักยภาพ 2.8 ประเภทความรับผิดชอบต่อสังคม 2.9 ประเภทเศรษฐกิจหมุนเวียน 3. รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น จำนวน 5 ประเภทรางวัล ได้แก่ 3.1 ประเภทการบริหารจัดการ 3.2 ประเภทการพัฒนาผลิตภัณฑ์เชิงสร้างสรรค์ 3.3 ประเภทการจัดการเทคโนโลยีเชิงนวัตกรรม 3.4 ประเภทบริหารธุรกิจสู่สากล 3.5 ประเภทการจัดการโลจิสติกส์และโซ่อุปทาน ทั้งนี้ เกณฑ์การพิจารณาจะเข้มข้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา โดยจะมอบรางวัลให้กับผู้ประกอบการที่มีคะแนนสูงสุดเป็น 3 อันดับแรกของแต่ละประเภทรางวัลเท่านั้น สมอ. จึงขอเชิญชวนผู้ประกอบการสมัครเข้ารับการคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรม ประจำปี พ.ศ. 2564 ได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2564 โดยส่งใบสมัครได้ที่ กองส่งเสริมและพัฒนาด้านการมาตรฐาน สมอ. โทร. 0 2202 3517-8 หรือสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศ หรือฝ่ายเลขานุการคณะทำงานทุกคณะ และสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://www.industry.go.th/industry_award/ เลขาธิการ สมอ. กล่าว
14 ม.ค. 2564
การรับสมัครการเข้ารับการคัดเลือกรางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2564 ประเภทการบริหารธุรกิจสู่สากล
ขอเชิญ SME สมัครเข้ารับการคัดเลือก รางวัลอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมดีเด่น ประจำปี 2564 (The Prime Miniter's Small and Medium Industry Award) ประเภท การบริหารธุรกิจสู่สากล (Global SME) ส่งใบสมัครได้ที่ E-mail : globalsmeaward@gmail.com สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 02 202 4575 หรือ 02 202 4493
14 ม.ค. 2564