หมวดหมู่
แท็ก:
เตือนภัย! ใช้ AirPods ของปลอมเสี่ยงอันตรายทำหูเสื่อมเร็ว
นิตยสาร “60 million consumers” ของฝรั่งเศสทำการทดสอบหูฟัง AirPods ของปลอมที่ผลิตในประเทศจีน พบคุณภาพเสียงแย่มาก และให้ระดับความดังเสียงสูงกว่าที่กำหนด ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อการได้ยิน AirPods ของ Apple คือผู้นำในตลาดหูฟังไร้สายอันดับ 1 ของโลก โดยครองส่วนแบ่งทางการตลาดอยู่ที่ 45% แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามีของลอกเลียนแบบผลิตออกมาขายตามช่องทางอินเทอร์เน็ตในราคาคู่ละ 159 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งแตกต่างจากของแท้ที่มีราคาค่อนข้างสูงอยู่ที่ 249 ดอลลาร์สหรัฐฯ เหล่านี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมในช่วงเวลาที่ผ่านมาผู้ประกอบการชาวจีนจึงมีการผลิต Airpods ของปลอมในราคาถูกออกมา ด้านนิตยสาร “60 million consumers” จึงตัดสินใจทำการตรวจสอบสินค้าราคาถูกเหล่านี้ โดยการสั่งซื้อสินค้ามาทั้งหมด 7 ตัว และมีเพียง 4 ตัวเท่านั้นที่ส่งมายังออฟฟิศ ส่วนอีก 3 ตัวหายไปอย่างไร้ร่องรอยระหว่างขนส่งจากจีนมายังสหรัฐฯ เมื่อถึงเวลาทดสอบสินค้า AirPods ปลอมทั้งหมด 4 ตัว พบว่ามี 1 ตัวที่ไม่สามารถใช้งานได้ โดยผลการทดสอบปรากฏว่าหูฟังมีคุณภาพเสียงแย่ และมี 1 ตัวที่ระดับเสียงเป็นอันตรายต่อหูฟังของผู้ใช้ที่เกินค่ามาตรฐานที่ 10 เดซิเบลของหูจะรับได้ ซึ่งเป็นปัญหาหลักของหูฟังปลอมที่ไม่ตรงกับมาตรฐานความปลอดภัย ที่มา: gizchina, https://www.smartsme.co.th/content/232272
05 มิ.ย. 2565
ANA ทดลองรถบัสไฟฟ้าอัตโนมัติในสนามบิน
All Nippon Airways (ANA) ทำการทดลองรถบัสไฟฟ้าอัตโนมัติแบบไม่ใช้คนขับในสนามบินฮาเนดะของกรุงโตเกียว โดยทางสายการบินแห่งนี้คาดว่าหากผลการทดลองใช้ประสบความสำเร็จ จะเป็นการช่วยให้เทคโนโลยีนี้นำไปใช้อย่างเป็นทางการได้ในช่วงปลายปี 2020 ช่วงเวลาที่ผ่านมาเรามักจะได้ยินเรื่องราวของสายการบินหลายแห่ง ในการพัฒนาการดำเนินงานของพวกเขาเพื่ออำนวยความสะดวกและทำการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลง รวมถึง ANA ที่ต้องการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนภาคพื้นดิน โดยการเปิดตัวและทดสอบการทำงานของรถบัสไฟฟ้าอัตโนมัติ รถบัสที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะถูกนำไปใช้ในการขนส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารและเครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ ANA มั่นใจว่าการลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่ดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้น แต่มันจะเป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสารด้วย การรับรองความปลอดภัยของผู้โดยสารบนรถบัสที่ไม่มีคนขับนั้น เริ่มต้นทำการทดสอบครั้งแรกในปี 2018 โดยรถบัสวิ่งในระยะทาง 0.87 ไมล์ เป็นการวิ่งโดยใช้เซ็นเซอร์ของกล้องเพื่อติดตามสภาพภายนอก เช่นความเร็ว, ที่ตั้ง และสภาพแวดล้อม นอกจากนี้ยังมีเซ็นเซอร์ภายในที่ตรวจสอบกิจกรรมของผู้โดยสารในรถ AI จะทำการวิเคราะห์กิจกรรมต่าง ๆ ของผู้โดยสารเพื่อเพิ่มความปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีระบบตรวจสอบจากระยะไกลที่จะคอยให้การช่วยเหลือหากเกิดปัญหาขึ้นกับรถบัสอีกด้วย ตอนนี้ รถบัสสามารถวิ่งเองได้บนเส้นทาง 1.18 ไมล์ โดยมีการช่วยดูแลจากมนุษย์น้อยมาก ANA หวังว่าจะสามารถทำการทดสอบในสภาพจริงของสนามบินได้ในเร็ววันนี้ ที่มา : https://simpleflying.com/ana-autonomous-electric-bus/ https://www.smartsme.co.th/content/232210
04 มิ.ย. 2565
ดีพร้อมเซนเตอร์ 7 เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาพระราชินี 3 มิถุนายน 2565
อุบลราชธานี 3 มิถุนายน 2565 ดร.รุ่งโรจน์ อิฐรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (DIPROM CENTER 7) มอบหมายให้ นายฉาย ทองละมุล ผู้อำนวยการกลุ่มยุทธศาสตร์และแผนงานภูมิภาค พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 เข้าร่วมกิจกรรมทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล เฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ณ มณฑลพิธีทุ่งศรีเมือง อำเภอเมืองจังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นายพงศ์รัตน์ ภิรมย์รัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นประธานในพิธี.เจ้าหน้าที่เข้าร่วมนางละออง ธงสอาด, นางสาวนิสา แจ่มใส, นายรัฐนนท์ บุญญา , นายบุญสาร แสนโท, นายมิตร แสงกล้า.#DIPROM #ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่7
03 มิ.ย. 2565
Foodpanda ในสิงคโปร์ประกาศบริการใหม่ส่งของใช้ให้ลูกค้าถึงที่ภายใน 15 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง
ย้อนกลับไปเมื่อเดือนตุลาคมของปีที่ผ่านมา Foodpanda เริ่มให้บริการจัดส่งของจิปาถะ, ดอกไม้ และของใช้ภายในครัวเรือน ให้กับลูกค้าในสิงคโปร์ ภายใต้ชื่อว่า pandamart “Pandamart” มีการนำเสอนสินค้าจากพาร์ทเนอร์ค้าปลีกทั่วโลกมากกว่า 1,000 ราย และจัดส่งให้กับลูกค้าถึงที่ภายใน 25 นาที หลังจาก Foodpanda ทดลองบริการดังกล่าวเป็นระยะเวลา 3 เดือน พบว่าประสบความสำเร็จ โดยดูจากยอดออเดอร์ที่เข้ามามากกว่า 4 เท่า ไม่เพียงเท่านั้น ล่าสุด Foodpanda ต่อยอดความสำเร็จด้วยการเปิดให้บริการใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า “Pandanow” ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มส่งสินค้า ไม่ว่าจะเป็น ของชำ, เครื่องใช้ภายในครัวเรือน ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วัน ดังนั้น ลูกค้าไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการซื้อของที่ขาดไม่ได้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน หากร้านสะดวกซื้อต้องปิดในช่วงเวลากลางคืน การดำเนินงานของ “Pandanow” จะมีศูนย์กระจายสินค้า 5 แห่งทั่วเกาะสิงคโปร์ และส่งถึงบ้านของลูกค้าภายใน 15 นาที โดยคิดค่าจัดส่งฟรี ไม่มีขั้นต่ำ ส่วน “Pandamart” จะคิดค่าบริการเริ่มต้นที่ 2.99 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 68 บาท) Luc Andreani กรรมการผู้จัดการ Foodpanda สิงคโปร์ กล่าวว่าพวกเรามีแผนที่จะเปิดคลังสินค้าของ “Pandanow” ต่อไปในอนาคต โดยบริษัทกำลังมองหาที่จะใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีเข้ามาช่วยตอบสนองความต้องการ และความคาดหวังของลูกค้า “เราเชื่อมั่นว่าจะดำเนินการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคด้วยการสร้างประสบการณ์บริการเดลิเวอรี่ให้ยอดเยี่ยมที่สุด และเป็นนวัตกรรมแรกของอุตสาหกรรม” Luc Andreani กล่าว ที่มา: vulcanpost, https://www.smartsme.co.th/content/232562
03 มิ.ย. 2565
Qualcomm เตือนตลาดสมาร์ทโฟนจะสะเทือนจากสถานการณ์ไวรัสอู่ฮั่น
Qualcomm ผู้ผลิตชิปและโมเด็มสำหรับสมาร์ทโฟนรายใหญ่ที่สุดในโลกออกมาเตือนว่าไวรัสโคโรนาสามารถทำลายอุตสาหกรรมมือถือทั่วโลกได้ Qualcomm กล่าวว่าบริษัทได้ลดตัวเลขการคาดการณ์รายได้ของไตรมาสหน้าลงแล้ว ส่วนหนึ่งมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในเมืองอู่ฮั่นของประเทศจีน ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า การแพร่ระบาดจะส่งผลต่อความต้องการของสมาร์ทโฟนและผู้ที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมนี้ขนาดไหน ไวรัสโคโรนาทำให้มีผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 560 คน และจำนวนผู้ติดเชื้อก็พุ่งสูงกว่า 28,000 คนไปแล้ว การระบาดได้ส่งผลกระทบอย่างสำคัญต่อธุรกิจทั่วโลก โดยผู้ค้าปลีกปิดร้านค้าหลายร้อยแห่ง, สายการบินยกเลิกเที่ยวบินไปและกลับจากจีน และตลาดน้ำมันดิบเข้าสู่ภาวะซบเซา สำหรับอุตสาหกรรมสมาร์ทโฟนของโลก ซึ่งพึ่งพาประเทศจีนทั้งการผลิตและการขาย มีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของ Qualcomm เองก็ได้มาจากตลาดในประเทศจีน หากมีการแพร่ระบาดเป็นระยะเวลานานผลกระทบในทางลบก็จะมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้บริหารของ Qualcomm กล่าวว่า “เนื่องจากสถานการณ์ไวรัสโคโรนายังคงดำเนินต่อไป ตอนนี้เราเป็นห่วงเรื่องของพนักงานและซัพพลายเออร์ รวมถึงครอบครัวของพวกเขาเหล่านั้นมากกว่าเรื่องอื่น” ที่มา : https://edition.cnn.com/2020/02/05/tech/qualcomm-earnings-guidance-coronavirus/index.html https://www.smartsme.co.th/content/232746
02 มิ.ย. 2565
สตาร์ทอัพอเมริกาเตรียมทำ “สเต็ก” จากอากาศ สร้างโปรตีนทางเลือกแทนเนื้อสัตว์
อุตสาหกรรมอาหารยังคงพัฒนาก้าวหน้าไปเรื่อย ๆ จากเมื่อก่อนไม่มีใครคาดคิดว่าพืชจะสามารถนำมาผลิตเป็นเนื้อในรูปแบบ Plant Based มาปัจจุบันก็สามารถทำได้แล้ว นับประสาอะไรกับอนาคตที่อากาศจะถูกทำเป็นเนื้อสัตว์ สร้างเป็นทางเลือกอาหารทดแทน “Air Protein” สตาร์ทอัพสหรัฐฯ มีแนวคิดสร้างเนื้อสัตว์ทดแทน โดยใช้อากาศที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกับเนื้อสัตว์จริง หากทำได้จริงจะช่วยลดพื้นที่การเลี้ยงวัว ลดการใช้ทรัพยากรทางธรรมชาติ Lisa Dyson และ John Reed สองอดีตนักฟิสิกส์ และนักวิทยาศาสตร์ ซึ่งเคยทำงานร่วมกันที่แล็บ Berkeley ในกระทรวงพลังงานสหรัฐฯ มีเป้าหมายร่วมกันว่าเพื่อช่วยป้องกันการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และพวกเขารู้วิธีว่าจะทำอย่างไร โดยเกษตรกรรมมีส่วนรับผิดชอบต่อการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอากาศมากกว่าภาคขนส่งทั้งหมด ดังนั้น ทั้งสองจึงมีแนวคิดที่จะสร้างเนื้อสัตว์จากอากาศ เพื่อเป็นทางเลือกทดแทนเนื้อสัตว์จริง โดยไอเดียนี้มาจากการพบงานวิจัยที่ถูกลืมของ NASA เมื่อปี 1960 โดยระบุถึงการที่นักบินเดินทางในอวกาศเป็นระยะเวลายาวนาน จึงทำให้เกิดแนวคิดการรวมจุลินทรีย์ และคาร์บอนไดออกไซด์ที่นักบินอวกาศหายใจเข้าไปทำเป็นอาหาร อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการอวกาศนี้ไม่ไปถึงดาวอังคาร ไอเดียนี้จึงถูกพับเก็บไป Dyson และ Reed ตัดสินใจลงมือทำต่อจากที่ค้างไว้ โดยในปี 2019 พวกเขาเริ่มสร้างเนื้อสัตว์ทดแทน โดยใช้รูปแบบของการทำโยเกิร์ตหมักจุลินทรีย์ hydrogenotrophic ด้วยคาร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน แร่ธาตุ น้ำ และไนโตรเจน ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมานั้น คือแป้งที่อุดมไปด้วยโปรตีนมีกรดอะมิโนเหมือนกับโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ไม่เพียงเท่านั้น บริษัทยังมองถึงแผนที่จะพัฒนาไปสู่อกไก่นุ่ม ซึ่ง Dyson บอกว่าแค่เพิ่มเทคนิคการทำพื้นผิวตามที่ต้องการ โดยใช้ส่วนผสมของอุณหภูมิ และเทคนิคอาหารเข้าไป ทั้งนี้ ในปี 2021 “Air Protein” ได้ระดมทุนมากกว่า 30 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากนักลงทุน เช่น ADM Ventures, Barclays และ GV โดย Dyson กล่าวว่า เรากำลังพยายามทดลองสร้างเนื้อแบบใหม่ มันน่าตื่นเต้นมากที่เป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนนี้ ที่มา: wired, https://www.smartsme.co.th/content/246447
01 มิ.ย. 2565
ดีและฟรีมีอยู่จริง! 3 เครื่องมือช่วยสร้างคอนเทนต์สุดเจ๋ง
ในยุค 4.0 การทำคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปด้วยเครื่องมือตัวช่วยที่จะทำให้เราสามารถสร้างสรรค์คอนเทนต์สุดเจ๋งออกมาได้ทั้งในรูปแบบรูปภาพ วิดีโอหรือภาพเคลื่อนไหวได้ง่ายๆ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย อีกทั้งยังทำงานได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และสมาร์ทโฟนอีกด้วย 1. CANVA (PC/iOS/Android) เครื่องมือออกแบบกราฟิกออนไลน์ ใช้งานได้ง่าย ช่วยให้เราสร้างภาพกราฟิก Logo, Poster หรือ Infographic ได้ตามต้องการ โดยที่มีตัวช่วยมากมาย อย่างเช่น Text, Layout และ Background สามารถทำได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องโหลดหรือติดตั้งโปรแกรมให้เสียเวลา อีกทั้งยังสามารถใช้งานได้แบบฟรีไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย พวกฟังก์ชันฟรีก็มีให้ใช้มากมาย แต่ถ้าใครอยากได้ตัวช่วยสวยๆ หรือแบบอื่นก็สามารถซื้อเพิ่มได้ในราคาแค่ 1 ดอลลาร์ฯ (35 บาท) ต่อหนึ่งไอเทม 2. KineMaster (iOS/Android) โปรแกรมตัดต่อวิดีโอฟรีที่เป็นที่นิยมและถูกแนะนำเป็นอันดับต้นๆ สำหรับสายตัดต่อวิดีโอง่ายๆ ผ่านบนสมาร์ทโฟนและยังสามารถตัดต่อวิดีโอด้วยความละเอียดภาพได้สูงสุดถึง 4K 2160p ที่ 30 FPS การใช้งานของ KineMaster นั้นง่ายมาก ไม่ยุ่งยากทำให้คลิปที่ตัดต่อนั้นออกมาได้ค่อนข้างดี อีกทั้งยังมีฟังก์ชันลูกเล่นให้ได้ลองเล่นกันมากมายอย่าง Audio, Filter และพวก Effect เป็นโปรแกรมที่ใช้งานฟรี สะดวกสบายเพราะสามารถตัดต่องานวิดีโอได้ทุกที่ที่ต้องการ 3. GIPHY (PC/iOS/Android) การสร้างภาพเคลื่อนไหวไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปเมื่อมีเครื่องมือที่ช่วยให้เราสร้างภาพ GIF ขึ้นมาได้ง่ายๆ ด้วยความยาวสูงสุด 10 วินาที ที่สำคัญใช้งานได้ฟรี นอกจากการสร้าง GIF แล้ว GIPHY ยังสามารถตัดคลิปวิดีโอสั้นๆ ได้ หรือแม้แต่ทำสติกเกอร์ขึ้นมาเอง พร้อมใส่แคปชั่นลงไปในรูปได้เลย เมื่อสร้างคอนเทนต์เสร็จแล้วเราสามารถแชร์ GIF ไปยังช่องทางต่างๆ ได้ทันที ที่มา : www.smethailandclub.com ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup https://www.smethailandclub.com/startup-digitalmarketing/7207.html
31 พ.ค. 2565
เตียงนอนที่ใช้เทคโนโลยีของ NASA จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
การนอนหลับเป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญที่สุดของสุขภาพ เพราะการนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้มีอาการคล้ายกับการมึนเมาอย่างรุนแรง ส่งผลกระทบต่อความสามารถทางปัญญาของคุณ เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องการนอน Intellibed ได้เปิดตัว Sleep Genius Smart Base ซึ่งเป็นเตียงนอนที่ได้รับการออกแบบและวิจัยโดย NASA เพื่อช่วยให้นักบินอวกาศสามารถนอนหลับได้อย่างสนิทในอวกาศ และเคล็ดลับสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่ สมองสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่องแม้ในช่วงที่หลับลึก และระบบที่ใช้งานมากที่สุดก็คือส่วนของสมองที่รับผิดชอบด้านเสียงและการได้ยิน Sleep Genius Smart Base จึงถูกสร้างขึ้นมา เพื่อให้สภาพแวดล้อมการนอนหลับบน Intellibed มีความสมบูรณ์ มันมีระบบเสียง Bluetooth พร้อมลำโพงในตัวมากถึง 6 ตัว ซึ่งพร้อมจะทำการเล่นเพลงหรือเสียงที่กล่อมสมองให้เข้าสู่การนอนที่มีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ตัวโครงสร้างของเตียงยังสามารถปรับโหมดทำการนวดตามโปรแกรมต่าง ๆ ได้อีกด้วย ผู้ใช้สามารถปรับระดับเตียงในตำแหน่งตาง ๆ ให้เหมาะสมกับร่างกายของตัวเองได้มากที่สุด นี่คือเตียงนอนที่จะทำให้การนอนของคุณเต็มไปด้วยประสิทธิภาพ มันจะช่วยให้คุณตื่นขึ้นมาทุกเช้าได้อย่างมีพลัง ที่มา : https://www.digitaltrends.com/home/intellibed-sleep-genius-smart-base-plays-sound-improve-sleep/ https://www.smartsme.co.th/content/232206
30 พ.ค. 2565
Japan Railway หันมาใช้ AI เพื่อต่อสู้กับปัญหาหิมะของรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น
บริษัทรถไฟของญี่ปุ่นหันมาใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อช่วยจัดการปัญหาจากการสะสมของหิมะที่เกิดขึ้นกับรถไฟหัวกระสุนชินคันเซ็น West Japan Railway Co กำลังพัฒนาระบบ AI เพื่อทำการวัดปริมาณหิมะที่ติดกับตัวรถไฟ Hokuriku Shinkansen ซึ่งทำการวิ่งตามแนวชายฝั่งทะเลของญี่ปุ่น ทุกวันนี้ผู้ประกอบการรถไฟจะทำการตัดสินใจว่าจะใช้บุคลากรจำนวนเท่าใด เพื่อใช้สำหรับการกวาดล้างหิมะที่ติดมากับรถไฟ โดยเป็นการคาดการณ์ 1 วันล่วงหน้าจากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาและจากประสบการณ์ที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ขาดความแม่นยำในการวางแผนการใช้บุคลากรเป็นอย่างมาก แต่ด้วยระบบ AI ที่กำลังทำการพัฒนา จะเป็นการรวบรวมข้อมูลจากภาพของขบวนรถไฟที่แสดงการสะสมของหิมะขณะเดินทางรวมกับข้อมูลสภาพอากาศ จะทำให้ระบบสามารถคาดการณ์จำนวนบุคลากรที่เหมาะสมกับการทำงานกวาดล้างหิมะในแต่ละวันได้อย่างแม่นยำ ซึ่งผลจากการทดสอบระบบ AI ก็ถือว่าสอบผ่าน จึงมีแผนที่จะทำการติดตั้งระบบอย่างเต็มรูปแบบในฤดูหนาวปีหน้า และคาดว่าจะขยายไปยังรถไฟความเร็วสูงสายอื่นต่อไป ที่มา : https://japantoday.com/category/tech/japan-railway-turning-to-ai-to-combat-problems-with-snow https://www.smartsme.co.th/content/232242
29 พ.ค. 2565
จะเป็นอย่างไรหากในอนาคต Wi-Fi ไม่จำเป็นอีกต่อไป แต่มีอย่างอื่นเข้ามาทดแทน
ทุกวันนี้ Wi-Fi ถือว่าเป็นระบบสัญญาณที่มนุษย์ทุกคนแทบจะขาดไปในชีวิตไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็น อยู่ที่บ้าน, ที่ทำงาน รวมถึงสถานที่พักต่าง ๆ ล้วนต้องถามหาระบบสัญญาณ Wi-Fi กันแทบทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม ในอนาคต Wi-Fi อาจจะไม่จำเป็นกับผู้คนอีกต่อไปแล้ว เพราะจะมีอย่างอื่นเข้ามาทดแทน Azhar Hussain ซีอีโอของ Hanhaa บริษัทที่ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับ internet of things (IoT) ให้ความคิดเห็นว่า จุดจบของสัญญาณ Wi-Fi เริ่มใกล้เข้ามาแล้ว เพราะตนเชื่อว่าการจัดสรรโครงข่ายเล็ก ๆ ให้กับกลุ่มผู้ใช้ในเทศบาล, มหาวิทยาลัย และบริษัท สามารถสร้างเครือข่ายส่วนตัวในระบบ 5G ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคให้หันมาเชื่อมต่อระบบ IoT แทน Wi-Fi ความคิดเห็นของ Hussain ถือว่ามีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งสอดคล้องกับ Zach Supalla ซีอีโอของ Particle บริษัทจำหน่ายอุปกรณ์ IoT ที่กล่าวว่าอุปกรณ์เกินครึ่งของบริษัทเชื่อมต่อกับระบบอินเทอร์เน็ตมือถือบนคลาวน์มากกว่าสัญญาณ Wi-Fi ซึ่งบริษัทให้เหตุผลว่ามีการเชื่อมต่อที่ง่ายกว่า และสามารถมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้บริโภค การเชื่อมต่อด้วยระบบ Wi-Fi นั้นมีความยุ่งยาก และก่อข้อผิดพลาดอยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ IoT หลายแบรนด์ เช่น Amazon, Apple และ Google ต่างพัฒนาระบบ IoT ให้มีการใช้งานง่ายขึ้น ทั้งนี้ เมื่อดูการเชื่อมต่อระบบแบบเครือข่ายจะมีข้อดีอยู่ที่ไม่มีความยุ่งยาก แต่จะมีข้อเสียตรงที่ต้องเสียค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายอินเทอร์เน็ตค่อนข้างสูง ที่มา: spectrum, https://www.smartsme.co.th/content/232351
28 พ.ค. 2565