โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้รับฟังและร่วมหารือถึงแนวทางการขับเคลื่อน SMEs 4.0 จากทางเครือข่ายภาคเอกชนในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ที่นำเสนอแนวทางการพัฒนา (flagship) ที่ตอบสนองความต้องการของพื้นที่จำนวน 4 flagship ดังนี้

1. การพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมโคเนื้อ (อีสานวากิว) เป็นการพัฒนาด้านการเลี้ยงโคของเกษตร มาตรฐานการเลี้ยงโคขุน ระบบการจัดเก็บข้อมูลโดยการติด Microchip การแปรรูปเนื้อโคส่วนเหลือทิ้ง (ITC-Pilot Plant) และส่งเสริมให้มี Startup สู่การตลาดเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีเป้าหมายเป็นอีสานวากิว
2. ศูนย์พัฒนาบุคลากรและออกแบบผลิตภัณฑ์ผ้า โดยใช้พื้นที่ ศูนย์ ITC 4.0 ของ ศภ.6 จ.นครราชสีมา เป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทยด้วยนวัตกรรม เทคโนโลยี และการออกแบบให้เกิดการเพิ่มมูลค่าและยกระดับคุณภาพผ้าไหมอีสานและผลิตภัณฑ์สิ่งทอให้มีมาตรฐานระดับสากลพร้อมรูปแบบที่ทันสมัย
3. SMEs Factory 4.0 ต่อยอดจาก ศูนย์ฯ ITC ของ ศภ.6 เป็นโรงงานต้นแบบเพื่อทดลองการผลิต และทดลองปฏิบัติการ ที่ผู้ประกอบการคนตัวเล็กร่วมกันสร้างให้มีมาตรฐานขึ้นมา เพื่อให้ SMEs รายย่อยเข้าใช้บริการผลิตสินค้าพร้อมบรรจุภัณฑ์ โดยมีเป้าหมายขยายการจัดทำโรงงานต้นแบบทุกจังหวัด จำนวน 200 โรงงาน ภายใน 3 ปี
4. การพัฒนาอุตสาหกรรมแป้งมันสำปะหลังสู่ "Tapioca 4.0" ซึ่งมีความต้องการพัฒนาโดยการเพิ่มปริมาณวัตถุดิบในพื้นที่ให้เพียงพอต่อกำลังผลิต ด้วยแนวคิด "เกษตรอุตสาหกรรม" และยกระดับเทคโนโลยีการผลิตด้วยระบบอัตโนมัติแบบทันสมัย รวมทั้งการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนางานวิจัยและผลิตภัณฑ์ใหม่
   ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้การสนับสนุนด้านต่าง ๆ ในการขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมในทุกด้านเช่น การพัฒนากลุ่มอุตสาหกรรมโคเนื้อ มอบให้สถาบันอาหารเข้ามาช่วยพัฒนาต่อยอด และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าไหมไทย มอบให้สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเข้ามาช่ววยพัฒนา เพื่อตอบสนองความต้องการของพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 ให้เกิดเป็นรูปธรรม

PRDIP (กลุ่มประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม) รายงาน / ภาพข่าว