โทรศัพท์ 1358
การค้นหาขั้นสูง

หมวดหมู่
ผอ.ศภ.7 นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร นำคณะผู้บริหารฯ เข้าร่วมประชุมและสังเกตการณ์ ในโอกาสที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานี
วันที่ 5 กรกฎาคม 2560 ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร นำคณะผู้บริหารฯ นายอุเทน โชติชัย ผู้อำนวยการส่วนแผนงานและบริหารทั่วไป, นางละเอียด ไขศรีมธุรส ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม และเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 เข้าร่วมประชุมและสังเกตการณ์ ในโอกาสที่ นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเพื่อประชุมร่วมกับหัวหน้าส่วนราชการ นำโดย นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี และผู้ประกอบการรายใหญ่ในจังหวัดอุบลราชธานี ได้แก่ นายสุทธิชัย โควสุรัตน์ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดฯ นายสมชาติ พงคพนาไกร ประธานหอการค้าจังหวัดฯ และนายชลวิชญ์ อภิรัตน์มนตรี ผู้แทนสมาพันธ์ sme จังหวัดฯ รวมทั้ง สถาบันอุดมศึกษา ได้แก่ ผอ.ชวลิต ถิ่นวงษ์พิทักษ์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรมของจังหวัดอุบลราชธานี โดยมี นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม รวมทั้ง นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม และนายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย ร่วมหารือเกี่ยวกับการพัฒนาเศรษฐกิจ การค้าและอุตสาหกรรม และมีแผนในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเอสเอ็มอีและโรงงานนำร่องในจังหวัดอุบลราชธานี ณ ห้องรับรอง สนามบินอุบลราชธานี
05 ก.ค. 2560
ผอ.ศภ.7 นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร ร่วมต้อนรับ นายวรมิตร ครุฑโต รองกรรมการผู้จัดการฯ
วันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร , นายอุเทน โชติชัย ผู้อำนวยการส่วนแผนงานและบริหารทั่วไป และเจ้าหน้าที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 ร่วมต้อนรับ นายวรมิตร ครุฑโต รองกรรมการผู้จัดการ ผู้รับผิดชอบกลุ่มงานปฏิบัติการและการตลาด ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME Development Bank หรือ ธพว.) และคณะฯ ในโอกาสเข้าเยี่ยมชมหน่วยงานและประชุมหารือแลกเปลี่ยนแนวทางในการทำงานร่วมกัน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งและยั่งยืนให้กับเศรษฐกิจภายในประเทศ ณ ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7
04 ก.ค. 2560
ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น บทบาทมหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี
วันที่ 4 กรกฎาคม 2560 ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร มอบหมายให้ นางละเอียด ไขศรีมธุรส ผู้อำนวยการส่วนพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรม เข้าร่วมเวทีรับฟังความคิดเห็น บทบาทมหาวิทยาลัยราชภัฎอุบลราชธานี ตามความคาดหวังของสังคมและท้องถิ่น เพื่อประกอบการจัดทำยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี พ.ศ. 2560-2564 ณ ห้องประชุมบุษกร อาคาร 100 ปี ประสิทธิ์ สุนทรโรทก ชั้น 2 มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี โดยมี รองศาสตราจารย์ธรรมรักษ์ ละอองนวล อธิการบดี เป็นประธานเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว จากนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาสกร นันทพานิช รองอธิการบดีฝ่ายยุทธศาสตร์ แผนและประกันคุณภาพ ประธานคณะทำงานจัดเก็บ วิเคราะห์ สังเคราะห์ข้อมูลฯ ผู้ดำเนินการแสดงความคิดเห็นของผู้แทนจากหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ สังเคราะห์ ความคิดเห็นต่าง ๆ ประกอบการจัดทำ (ร่าง) แผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี ผ่านกระบวนการและขั้นตอนต่าง ๆ ต่อไป ขอบคุณภาพจาก งานประชาสัมพันธ์ และสื่อสารองค์กร ม.ราชภัฏอุบลฯ
04 ก.ค. 2560
กิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร เยี่ยมชม บริษัท อาร์เอสที โรโบติกส์ จำกัด
วันที่ 4 กรกฎาคม 2560 นายชัชพงศ์ เอมะสุวรรณ รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี,ผู้อำนวยการศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (ผอ.ศภ.7 กสอ.) นางวีระวรรณ ปัณฑรสูตร, นายรังสรร บุญสะอาด อุตสาหกรรมจังหวัดอุบลราชธานี , SME Banks, นายอรัญ อนุพรรณสว่าง กรรมการผู้จัดการบริษัทฯ พร้อมครอบครัวและพนักงาน บริษัท อาร์เอสที โรโบติกส์ จำกัด ร่วมต้อนรับ นางสาวนิสากร จึงเจริญธรรม รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในกิจกรรมสื่อมวลชนสัญจร เยี่ยมชม บริษัท อาร์เอสที โรโบติกส์ จำกัด ซึ่งได้รับสินเชื่อ จากกองทุนเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ เพื่อประกอบการดำเนินธุรกิจโรงงานผลิต 'หุ่นแขนกล' และนำเข้าเครื่องจักรเพื่อการผลิตฯ โดยคาดว่าผลประกอบการบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นและจะเน้นการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง เพื่อขยายการตลาด หุ่นยนต์เป็น 1 ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย และเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศสู่ยุค 4.0 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกองทุนได้ที่ http://www.smessrc.com/fund20000
04 ก.ค. 2560
Industry Expo 2017 วันที่ 25 - 30 กรกฎาคม 2560
Industry Expo 2017 จากความสำเร็จของการจัดงาน Thailand Industry Expo 2016 มหกรรมซื้อของไทย ใช้ของดี ในปีที่ผ่านมา กระทรวงอุตสาหกรรมเห็นว่าการจัดงานดังกล่าวเป็นประโยชน์ ทั้งต่อภาคธุรกิจ และภาคประชาชน รวมทั้งยังเป็นเวทีสำคัญของกระทรวงอุตสาหกรรมในการสื่อสาร และเผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ และประชาชนผู้สนใจทั่วไป ในปีนี้จึงมีการจัดงาน Thailand Industry Expo ขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ ๔ สำหรับงาน Thailand Industry Expo 2017 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “อุตสาหกรรม ๔.๐ ขับเคลื่อนอนาคตไทย” Thailand Industry 4.0 : Shift Our Future กระทรวงอุตสาหกรรมมีความตั้งใจที่จะต่อยอดและขยายผลความสำเร็จของงานไปสู่ระดับนานาชาติมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ในปีนี้จึงจัดให้มีพื้นที่ International Pavilion ขึ้น เพื่อเป็นการขยายโอกาสทางธุุรกิจให้แก่ผู้ประกอบการไทยในการพบปะเจรจาการค้า การลงทุนกับคู่ค้าต่างประเทศ งาน Thailand Industry Expo 2017 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 25 - 30 กรกฎาคม 2560 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1 - 3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
03 ก.ค. 2560
คู่มือ การเริ่มต้น ธุรกิจ SMEs โดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม
หนังสือแนะนำคู่มือ การเริ่มต้น ธุรกิจ SMEsโดย กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หนังสือเล่มนี้รวบรวมเกี่ยวกับแนวทางการบริหารธุรกิจ โดยเริ่มต้นตั้งแต่การประเมินโอกาสในการทำธุรกิจการบริหารการตลาด การจัดการผลิต การบริหารการเงิน และการบริหารงานบบุคลากรอย่างมืออาชีพตลอดจนถึงการพัฒนาธุรกิจไปสู่การเป็นองค์กรระดับโลก มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจจะเป็นเจ้าห้องธุรกิจเอง หรือผู้ที่มีธุรกิจอยู่แล้วและต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ รวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานวิสาหกิจชุมชน ณ ห้องสมุดศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมภาคที่ 7 อุบลราชธานี
03 ก.ค. 2560
ครม.ไฟเขียวเว้นเก็บภาษีเอสเอ็มอีใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เสริมธุรกิจ
ครม.ไฟเขียวเว้นเก็บภาษีเอสเอ็มอีซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ สูงสุด 1 แสนบาท ในรอบระยะเวลาบัญชี 1 ม.ค. 60 ถึง 31 ธ.ค. 62 ภาครัฐยอมเสีย 800 ล้านแลกจูงใจเอสเอ็มอีใช้โปรแกรมเพิ่มศักยภาพธุรกิจ และเข้าสู่ฐานข้อมูลภาครัฐมากขึ้น เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ออกตามความในประมวลรัษฎากร เพื่อเป็นมาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) ใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการบริหารจัดการธุรกิจ สำหรับสาระสำคัญของร่าง พ.ร.ฎ.ฉบับนี้ กำหนดให้ยกเว้นภาษีเงินได้ให้แก่บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่มีทุนชำระแล้วในวันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 5 ล้านบาท หรือมีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการวนรอบระยะเวลาบัญชีไม่เกิน 30 ล้านบาท สำหรับเงินได้เป็นจำนวน 100% ของรายจ่ายที่ได้จ่ายเป็นค่าซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ โดยได้ซื้อหรือจ้างทำโปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือได้ใช้บริการโปรแกรมคอมพิวเตอร์จากผู้ขายหรือผู้รับจ้างที่ได้รับการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมซอฟต์แวร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) เฉพาะในส่วนที่ไม่เกิน 1 แสนบาท สำหรับรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 ม.ค. 60 แต่ไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 62 ทั้งนี้ มาตรการดังกล่าวคาดว่ารัฐจะสูญเสียรายได้ประมาณ 800 ล้านบาทในแต่ละรอบระยะเวลาบัญชี แต่จะเป็นแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs มีการนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการเพื่อเพิ่มศักยภาพในการดำเนินกิจการและสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน อีกทั้งยังทำให้ข้อมูลของผู้ประกอบการ SMEs เข้าสู่ระบบฐานข้อมูลภาครัฐมากขึ้น ซึ่งรัฐสามารถนำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ในการกำหนดมาตรการหรือกลไกในการส่งเสริมและสนับสนุนด้านต่างๆ อ้างอิง https://goo.gl/N75Lwy
03 ก.ค. 2560
กสอ.ชี้ตลาด CLMV ขุมทอง ผปก.ไทยยังฮอต โตต่อเนื่อง 9.5% รวม 3 ปีซ้อน
นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ชี้ตลาด CLMV ยังเติบโตต่อเนื่อง เผยภาคการส่งออกใน 3 ปีล่าสุดขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 9.5% ขณะที่พม่า กัมพูชา และลาว รุกพัฒนาความเป็นเมืองและความทันสมัยของประเทศมากขึ้น ส่งผลอุตสาหกรรมก่อสร้างและสินค้าจากไทยยังเป็นที่ต้องการอย่างสูง พร้อมแนะตลาดสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน นายพรเทพ การศัพท์ รองอธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตลาด CLMV ถือได้ว่าเป็นตลาดที่มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับประเทศไทย โดยมีความสำคัญเทียบเท่ากับประเทศพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมอันดับต้นๆ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐอเมริกา ประเทศจีน ประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งกลุ่มประเทศอาเซียนเดิม (อินโดนีเซีย มาเลเซีย สิงคโปร์ บรูไน ฟิลิปปินส์) สำหรับสถานการณ์ความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างไทยกับกลุ่มประเทศ CLMV นั้นถือว่ามีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในด้านการส่งออกสินค้าที่มีการขยายตัวในระดับ 7-8% ทุกปี และเมื่อพิจารณาในช่วง 3 ปีล่าสุดที่ผ่านมานี้ยังพบอีกว่ามีการขยายตัวเฉลี่ยสูงถึง 9.5% (ที่มา : ศูนย์ข้อมูลธนาคารไทยพาณิชย์) ทั้งนี้ จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศของปี 2559 ยังชี้ให้เห็นอีกว่าพม่ามีอัตราการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 8.5% กัมพูชา 7.2% ลาว 7.5% และเวียดนาม 6.3% (ที่มา : ข้อมูลโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ) มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทยอยู่ที่ 4.15, 4.6, 3.9 และ 9.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ (ที่มา : ข้อมูลจาก Trade statistics for international business development) โดยการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเหล่านี้ยังทำให้ CLMV ติดอันดับอยู่ในกลุ่ม 15 ประเทศที่จะมีอัตราการเติบโตเร็วที่สุดในโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ยังมีความพร้อมในด้านทรัพยากร เสถียรภาพทางการเมือง ช่องทางการตลาดที่ขยายขึ้น ซึ่งไทยต้องเร่งสร้างความร่วมมือให้ครบทุกมิติเพื่อที่ในอนาคตจะได้ก้าวสู่การเป็นผู้นำในระดับมหภาคต่อไป นายพรเทพกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโอกาสของผู้ประกอบการ SMEs ไทยในการลงทุน ร่วมทุน และขยายสินค้าไปยังกลุ่ม CLMV ในปี 2560 นี้ พบว่าในประเทศพม่าและกัมพูชามีความต้องการอุตสาหกรรมก่อสร้างและสินค้าที่เกี่ยวข้อง เช่น สุขภัณฑ์ อุปกรณ์เพื่อการสาธารณูปโภค เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสูง เนื่องจากพม่ากำลังอยู่ในจุดของการพัฒนาและเปิดประเทศ กัมพูชาเริ่มขยายสู่ความเป็นเมือง โดยเฉพาะการเพิ่มขึ้นของสิ่งก่อสร้างและศูนย์การค้ารองรับชาวต่างชาติ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการไทยยังได้รับอานิสงส์จากมาตรการการอนุญาตให้ชาวต่างชาติลงทุน 4 ธุรกิจในพม่า ได้แก่ ปุ๋ย เมล็ดพันธุ์พืช ยาฆ่าแมลง และเครื่องมืออุปกรณ์การแพทย์ รวมทั้งโอกาสในการพัฒนาการร่วมค้าและลงทุนในอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรในกัมพูชาที่ขณะนี้ประเทศดังกล่าวกำลังให้ความสำคัญอย่างมาก ซึ่งไทยเองถือได้ว่ามีความเชี่ยวชาญในด้านดังกล่าวเป็นอย่างดี ขณะที่ สปป.ลาว พบว่าสินค้าอุตสาหกรรมพื้นฐานที่ลาวยังต้องพึ่งพิงจากไทยสูงสุด ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป รถยนต์และส่วนประกอบ เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ สินค้าปศุสัตว์ และเคมีภัณฑ์ นอกจากนี้ สินค้าไลฟ์สไตล์และแฟชั่นรวมทั้งกลุ่มธุรกิจประเภทแฟรนไชส์และธุรกิจการบริการก็ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทต่อผู้บริโภคชาวลาวมากขึ้น โดยมาจากการเริ่มผันตัวสู่วิถีชีวิตของการเป็นสังคมเมือง รวมทั้งการเข้ามาของตลาดโมเดิร์นเทรดและช่องทางการค้าออนไลน์ ซึ่งในอนาคตคาดว่าช่องทางเหล่านี้จะมีอิทธิพลต่อผู้บริโภคในกลุ่มดังกล่าวอย่างสูง ส่วนทางด้านประเทศเวียดนาม ถือได้ว่าเป็นทั้งประเทศคู่ค้าและคู่แข่งสำหรับไทย เนื่องจากมีความคล้ายคลึงกันทั้งกลุ่มตลาดส่งออกที่สำคัญเช่นเดียวกัน มีศักยภาพในด้านการเป็นฐานการผลิต โดยเฉพาะการผลิตสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออกสูง แต่อย่างไรก็ตาม แม้หลายฝ่ายจะมองว่าเวียดนามเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวโดยเฉพาะในเรื่องต้นทุน แต่ไทยเองก็ยังมีความได้เปรียบที่สูงกว่าทั้งในเรื่องคุณภาพของสินค้า กระบวนการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยเฉพาะในกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ อาหารแปรรูป และอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งความสามารถในการเข้าสู่ช่องทางตลาดที่ไทยมีมากกว่า ดังนั้น ไทยต้องสร้างจุดแข็งด้วยความได้เปรียบดังกล่าวเพื่อยกระดับให้สินค้าไทยมีความยากที่จะแข่งขัน พร้อมผลักดันสู่ตลาดระดับบนได้ต่อไป นายพรเทพกล่าวเสริมว่า อีกหนึ่งตลาดที่มีความน่าสนใจการขยายสินค้าและน่าลงทุนสำหรับผู้ประกอบการไทยในขณะนี้ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE ซึ่งในปีที่ผ่านมามีมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากไทย 2.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นประเทศคู่ค้าอันดับหนึ่งในเขตตะวันออกกลางของไทย รวมทั้งเป็นศูนย์กลางที่สามารถส่งต่อสินค้าไปยังประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคได้ ความน่าสนใจของ UAE ยังอยู่ที่รัฐบาลของประเทศดังกล่าวได้พยายามส่งเสริมการค้าการลงทุน รวมทั้งสนับสนุนให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเขตเศรษฐกิจเสรีทั้งในรูปแบบการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิต และการใช้ UAE เป็นฐานการกระจายสินค้า สำหรับสินค้า 5 อันดับแรกของปี 2559 ที่ UAE นำเข้าจากไทยมากที่สุด ได้แก่ รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ อุปกรณ์เครื่องจักรกล อัญมณีและเครื่องประดับ อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์จากไม้ นอกจากนี้ ตลาดอาหารและเครื่องดื่มใน UAE และตะวันออกกลางยังถือว่าเป็นตลาดที่มีความน่าสนใจ โดยมีปัจจัยส่งเสริมทั้งจากความต้องการอาหารตามมาตรฐานฮาลาลในปริมาณที่สูง ความสามารถในการผลิตอาหารที่อยู่ในระดับต่ำของ UAE และตะวันออกกลาง การใช้จ่ายค่าอาหารต่อหัวที่สูงกว่าไทยถึง 2.4 เท่า การเป็นประเทศที่มีผลผลิตและวัตถุดิบทางการเกษตรในปริมาณต่ำ ตลอดจนการประสบปัญหาน้ำหนักตัวของคนในภูมิภาคที่สูงเกินมาตรฐานที่เป็นช่องทางในการขยายกลุ่มอาหารประเภทฟังก์ชันและอาหารเพื่อสุขภาพไปยังร้านสะดวกซื้อหรือโมเดิร์นเทรดที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในขณะนี้ อ้างอิง https://goo.gl/1P4KHt
03 ก.ค. 2560
“บ้านคำปุน” เปิดปีละครั้ง...งานนี้ไม่ควรพลาด.
“บ้านคำปุน” เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายผ้าไหมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ถือแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมการทอผ้าไหม ความพิเศษของสถานที่แห่งนี้ คือ จะเปิดให้เข้าชมแค่ปีละหนึ่งครั้งในช่วงเทศกาลเข้าพรรษาจังหวัดอุบลราชธานีเท่านั้น บ้านคำปุน อ.วารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี แหล่งผลิตและอนุรักษ์ผ้าพื้นเมืองที่มีชื่อเสียง เปิดบ้านให้ผู้มาเยือนได้ชื่นชมศิลปวัฒนธรรมพื้นเมือง ที่บ้านคำปุนได้สืบสานอนุรักษ์มายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม ผ้าโบราณที่สูงค่า กรรมวิธีการผลิต ผ้าทอพื้นเมืองที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของบ้านคำปุนและงานศิลปด้านอื่นๆ อีกมากมาย ภาพงานนิทรรศการ เปิดบ้านคำปุน ครั้งที่ 18 ประจำปี 2559 https://goo.gl/AmDytR ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติมhttps://goo.gl/aw3A32https://goo.gl/hXbTKu
02 ก.ค. 2560
SMEs TALKS กับ ดร.สมชาย หาญหิรัญ (ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) " ขจัดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ "️
SMEs TALKS กับ ดร.สมชาย หาญหิรัญ (ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม) " ขจัดไขมัน สร้างกล้ามเนื้อ "️
02 ก.ค. 2560